ผลสำเร็จจากการที่ทักษิณ-สมคิดเยือนสิงคโปร์สัปดาห์ที่แล้ว ที่สามารถฉายภาพความแข็งแกร่งเศรษฐกิจไทยให้ต่างชาติเห็น
แคปปิตอลแลนด์ บิ๊กอสังหาฯ สิงคโปร์ ชักนำโดยเตมาเส็ก (Temasek) อันทรงอิทธิพลจากแดนลอดช่อง
ตัดสินใจจับมือเจ้าสัวน้ำเมา เจริญ สิริวัฒนภักดี ตั้งที.ซี.ซี. แคปปิตอล แลนด์
ทุนจดทะเบียน 2 พันล้านบาท รุกธุรกิจพัฒนาที่ดินในไทยเต็มตัว โครงการแรกทุ่ม 3
พันล้านบาท ฟื้นโครงการ เซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ และออฟฟิศบิวดิ้ง ย่านวิทยุ ตามด้วยคอมเพล็กซ์ยักษ์
บนที่ดิน 300 ไร่ แยกเกษตร-นวมินทร์ พร้อมนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อนาคต
บ่ายวานนี้ (11 ก.ย.) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และนางโฮ ชิง
(Mrs. Ho Ching) ประธานบริษัท เตมาเส็ก โฮลดิ้ง (Temasek Holding) และในฐานะภริยานายลี
เซียน ลุง (Mr. Lee Hsien Loong) รองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ซึ่งคาดว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์คนต่อไป
เป็นประธานร่วม พิธีลงนาม สัญญาร่วมทุน ระหว่างบริษัท ที.ซี.ซี. แลนด์ จำกัด บริษัทในกลุ่ม
ทีซีซี ของเจ้าสัวน้ำเมา เจริญ สิริวัฒนภักดี กับบริษัท แคปปิตอลแลนด์ (Capital
Land) ซึ่งรัฐบาลสิงค์โปร์ ถือหุ้นใหญ่ ผ่านบริษัท เตมาเส็ก โฮลดิ้ง (Temasek Holding)
คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี ภริยานายเจริญ ผู้แทนบริษัท ที. ซี.ซี.แลนด์ และนายหลิวมั่นเหลียง
ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แคปปิตอล แลนด์ ลงนามสัญญาร่วมทุน ท่ามกลางสักขีพยาน
ประกอบด้วย นายชาญ เฮง วิง (Mr. Chan Heng Wing) เอกอัครราชทูตสิงคโปร์ประจำประเทศไทย
ผลสำเร็จทักษิณ-สมคิดเยือนสิงคโปร์
ความร่วมมือครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร และนายสมคิด
เยือนสิงคโปร์สัปดาห์ที่แล้ว เพื่อกระชับความร่วมมือไทย-สิงคโปร์ทุกด้าน ร่วมผลักดันเอเชียผงาดในเวทีการค้า-เศรษฐกิจโลก
นายสมคิดเปิดเผยว่า การร่วมทุนครั้งนี้ เกิดจากความมั่นใจศักยภาพเศรษฐกิจไทย
ที่แข็งแกร่ง เขาเชื่อว่า จะก่อให้เกิดความร่วมมือที่ดีต่อกัน และเป็นตัวอย่างกับบริษัทอื่น
ๆ ที่จะดำเนินการร่วมกันอนาคต เพราะการลงทุนดังกล่าว ไม่ได้ลงทุนเฉพาะ 2 ประเทศ
แต่จะร่วมกันเพื่อขยายการลงทุนไปภูมิภาคอื่นต่อไป
ภาวการณ์อสังหาริมทรัพย์ขณะนี้ เขากล่าวว่าอยู่ในช่วงฟื้นตัว มั่นใจว่าจะไม่เป็นฟองสบู่
การซื้อที่ดินดังกล่าว ไม่ได้เก็งกำไรอย่างที่หลายฝ่ายกังวล และการซื้อที่ดิน เกิดขึ้นเพราะคนไทยไม่ได้ลงทุนมานานแล้ว
เมื่อตัดสินใจลงทุน ทำให้มีการจับตามอง
ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายระบุว่า ไทยยังไม่มีฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ขณะนี้ธนาคารอาคาร
สงเคราะห์กำลังดำเนินการอยากให้ภาคเอกชนนำข้อมูลที่มีอยู่ช่วยเสริมด้วย ส่วนมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่ผ่านมา
พูดคุยกับภาคเอกชนแล้ว
"ความร่วมมือของทั้ง 2 บริษัท ไม่ได้เกิดจากการเดินทางไปสิงคโปร์ของท่านนายกฯ
ทักษิณเท่านั้น แต่นับเป็นเรื่องที่ดี ที่เอกชนของทั้ง 2 ประเทศ ได้มีการร่วมมือกัน
และเป็นการแสดงให้เห็นถึงความจริงใจ และความจริงจัง ที่ทำให้เกิดการลงทุนร่วมกันได้"
นายสมคิดกล่าว
การลงนามสัญญาร่วมทุนวานนี้ ตั้งบริษัททีซีซี แคปปิตอลแลนด์ ทุนจดทะเบียน 2,000
ล้านบาท โดย ที.ซี.ซี.แลนด์ และแคปปิตอลแลนด์ สัดส่วนถือหุ้นบริษัทดังกล่าว 60%
และ 40% ตามลำดับเบื้องต้น จะมุ่งพัฒนาโครงการบนที่ดินแลนด์แบงก์ในมือที.ซี.ซี.แลนด์เป็นหลัก
นายเจริญ ประธานบริษัท ที.ซี.ซี.แลนด์ กล่าวถึงโครงการอนาคตอันใกล้ ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท
ที.ซี.ซี.แคปปิตอลแลนด์ ขั้นต้น มีนโยบายจะพัฒนาโครงการที่ยังดำเนินการไม่เสร็จ
2 โครงการ ได้แก่ โครงการพัฒนาที่ดินบริเวณด้านหลังโรงแรมพลาซ่า แอทธินี ที่ยังมีอาคารก่อสร้างค้าง
2 อาคาร และโครงการที่แยกเกษตร-นวมินทร์ ที่ลงทุนตอกเข็มส่วนฐานรากไว้แล้ว
ทางด้านนายชลกานต์ บุปผเวส กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท ที.ซี.ซี.แลนด์ เปิดเผยรายละเอียดโครงการทั้ง
2 ว่าส่วนโครงการย่านถนนวิทยุ ตั้งอยู่บนที่ดิน 8 ไร่ บริเวณด้านหลังโรงแรมพลาซ่า
แอทธินี ตามแผนจะพัฒนาเป็นเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ 1 ตึกและอาคารสำนักงานอีกตึก คาดว่าต้องใช้เงินลงทุนเพื่อให้เสร็จประมาณ
3,000 ล้านบาท
ขณะที่การพัฒนาที่ดินแปลงเกษตร-นวมินทร์ เนื่องจากเนื้อที่ถึง 300 ไร่ รูปแบบการพัฒนา
จึงต้อง เป็นแบบผสมผสาน แผนที่วางไว้ บริษัทจะก่อสร้าง ศูนย์แสดงสินค้า และพื้นที่พาณิชย์
สำหรับให้บริการ ประชาชนในพื้นที่ ส่วนที่ดินด้านหลัง จะพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัย
ทั้งแนวราบและแนวสูง ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างเจรจา และศึกษารายละเอียดร่วมกัน
"แม้ว่าจะมีการตั้งทีซีซี แคปปิตอลแลนด์ขึ้นมา แต่ที.ซี.ซี.แลนด์ และบริษัทลูกอีก
30 บริษัท ก็ยังคงดำเนินธุรกิจต่อไป แต่ถ้าโครงการใดที่บริษัทร่วมทุนสามารถทำได้ดีกว่า
ก็ให้บริษัทร่วมทุนดำเนินการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเป็นโครงการขนาดใหญ่ ที่ต้องใช้เทคโนโลยี
และจำเป็นต้องมีการบริหารจัดการด้านการตลาด ที่มีเครือข่ายก็จะใช้บริษัทร่วมทุน"
เขากล่าว
พร้อมเข้าตลาดหุ้น
นายชลกานต์ยังกล่าวว่า อนาคตเมื่อบริษัท ทีซีซี แคปปิตอลแลนด์ ทำธุรกิจและผลงานเป็นที่ปรากฏ
จะนำบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่อไป ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาอีก 4-5 ปีสร้างผลงาน
อย่างไรก็ดี ข้อตกลงที่มีร่วมกัน ช่วง 3 ปีแรก จะให้ตัวแทนฝ่ายสิงคโปร์นั่งตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
(ซีอีโอ) ก่อน ส่วนทุนจดทะเบียนไว้ 2,000 ล้านบาท อาจเพิ่มทุนภายหลัง ตามความต้อง
การที่จะใช้ลงทุนเพื่อพัฒนาโครงการต่างๆ ในอนาคต
ปรับแผนศูนย์สิริกิติ์
นายชลกานต์กล่าวถึงการบริหารศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ในนามบริษัท เอ็น.ซี.ซี.
แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด ว่าขณะนี้ กำลังหารือกับกรมธนารักษ์ เกี่ยวกับแบบก่อสร้างส่วนขยายโครงการศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
รูปแบบก่อสร้างที่เสนอกรมธนารักษ์ บริษัทยังคงยืนยันจะสร้างทั้งโรงแรม ที่จอดรถ
พื้นที่แสดงสินค้า และศูนย์ประชุม ซึ่งรูปแบบก่อสร้าง ต้องเป็นอาคารขนาดใหญ่ ก่อสร้างบนพื้นที่
7 ไร่
การก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่อาจติดปัญหา เนื่องจากข้อบัญญัติ กทม. ห้ามสร้างสิ่งปลูกสร้างสูง
เกิน 23 เมตร เพราะอยู่ใกล้สวนเบญจกิตติ ซึ่งบริษัทก็ยื่นแบบไปกทม.แล้ว ยังไม่ทราบว่าจะได้รับ
อนุมัติแบบหรือไม่ ซึ่งหากไม่ได้รับอนุมัติต้องเปลี่ยน แบบใหม่
"ถ้า กทม.ยินยอม เราก็จะสร้างในรูปแบบเดิม แต่ขณะเดียวกัน เราก็ได้เจรจากับกรมธนารักษ์
เพื่อปรับแบบอาคารใหม่หาก กทม.ไม่ยอมให้บริษัทได้ก่อสร้าง ซึ่งการปรับแบบดังกล่าว
จะต้องดึงบางส่วนออก แต่ในขณะนี้ ยังบอกไม่ได้ว่าจะต้องเอาอะไรออกบ้าง และหากต้องปรับแบบใหม่
คาดว่าจะใช้งบก่อสร้างประมาณ 2,700 ล้านบาท แต่หากขึ้นเต็มรูปแบบ จะต้องมากกว่า
2,700 ล้านบาท เพราะค่าก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้นมาก"
สนร่วมประมูลที่ริมน้ำธนารักษ์
สำหรับที่ดิน ที่บริษัทที.ซี.ซี. สนใจขณะนี้ คือที่ดินแปลงโรงภาษี 100 ชัก 3
ย่านสี่พระยาของกรมธนารักษ์ ซึ่งติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่กำลังจะเปิดประมูล นายชลกานต์กล่าวว่า
จะร่วมประมูลแน่นอน เพราะย่านดังกล่าว บริษัทมีที่ดินอยู่แล้ว 2 แปลง ได้แก่ บริเวณบริษัท
อีสต์เอเชียติกส์ และอาคารโอพีเพลส
ถ้าได้ที่ดินแปลงนี้อีกแปลง จะทำให้สามารถพัฒนาให้เชื่อมโยงกัน ในแง่รูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยรัชกาลที่
4 โดยบริษัทมีแผนจะพัฒนาเป็นโรงแรมคอนเซ็ปต์บูติค โฮเต็ล ระดับ 6 ดาว