ตลท.สั่งCAPEชี้แจงข้อมูลเพิ่มขายสินทรัพย์ลดพนักงานมีนัย


ผู้จัดการรายวัน(11 กันยายน 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

ตลท.ให้ CAPE แจงเพิ่ม กรณีขายทรัพย์สินของบริษัท ตลอดจนการลดพนักงานถึง 80% ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมีนัยต่องบการเงิน โดยให้ส่งรายละเอียดภายใน 16 ก.ย.นี้

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการ บริษัทเคพโทรนิค อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) (CAPE) มีมติให้ฝ่ายบริหารดำเนินการขายเครื่องจักรและอุปกรณ์ไม่เกินร้อยละ 10 ของ สินทรัพย์ทั้งหมด และต่อมามีมติให้ดำเนินการขายเครื่องจักรและวัตถุดิบใน สัดส่วนไม่เกินร้อยละ 50 ของมูลค่าสุทธิของทรัพย์สินรวม สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2546

รวมทั้งบริษัทได้ดำเนินการลดจำนวนพนักงานจากเดิม 295 คน เหลือ เพียง 60 คน และเปลี่ยนสัญญาจ้างแรงงานเป็นสัญญาจ้างการให้บริการ เพื่อให้เหมาะสมกับแผนการผลิตในปัจจุบัน รายละเอียดตามข่าวที่ปรากฏในระบบ SET SMART วันที่ 16 , 27 มิถุนายน 2546 และ 25 สิงหาคม 2546 นั้น

เนื่องจากการดำเนินการดังกล่าวของบริษัทจะมีผลอย่างมีนัยสำคัญต่อฐานะการเงินและการดำเนินงานของบริษัท ประกอบกับผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรกของปี 2546 บริษัทมียอดขายเพียง 46 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 62 และมีผลขาดทุนสุทธิ 107 ล้านบาท

ดังนั้น เพื่อให้ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนทั่วไปได้มีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัทอย่างเหมาะสมตลาดหลักทรัพย์จึงขอให้บริษัทชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้

1. ลักษณะและขอบเขตการประกอบธุรกิจของบริษัทภายหลังการขายเครื่องจักรและอุปกรณ์ดังกล่าว โดยเปรียบเทียบกับงวด 6 เดือนแรกของปี 2546 ทั้งนี้ขอให้ระบุถึงประเภทของสินค้าที่ผลิต กำลังการผลิต และปริมาณการผลิตจริงในงวด 6 เดือนแรกของปี 2546 และอัตราการใช้ กำลังการผลิต ตลอดจนแผนการผลิต ในครึ่งปีหลัง รวมถึงชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินงานในปัจจุบันว่า โรงงานของบริษัทยังคงเปิดดำเนินการผลิตสินค้าหรือไม่ อย่างไร

2. มูลค่าทรัพย์สินที่ใช้ในการผลิต โดยแสดงแยกมูลค่าของที่ดิน อาคารโรงงาน เครื่องจักรและอุปกรณ์ ตลอด จนวัตถุดิบ ณ 30 มิถุนายน 2546 เปรียบ เทียบกับมูลค่าทรัพย์สินที่บริษัทมี นโยบายจะขายและมูลค่าทรัพย์สินคงเหลือ

3. เหตุผลที่บริษัทมีการเปลี่ยนแปลงสัญญาจ้างแรงงานเป็นสัญญาจ้าง การให้บริการ โดยอธิบายถึงความแตกต่างของสัญญาทั้งสองและประโยชน์ของการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว

โดยขอให้บริษัทนำส่งข้อมูลดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์เพื่อเผยแพร่ต่อผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนทั่วไปผ่านระบบการเผยแพร่ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ภายในวันที่ 16 กันยายน 2546

ในวันเดียวกัน CAPE เปิดเผยว่าตามที่ได้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warrant) จำนวน 63,220,000 หน่วย ในวันที่ 31 กรกฎาคม 2541 ซึ่งวันกำหนดการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญครั้งที่ 21 ของ บริษัทฯ คือ วันที่ 1 ตุลาคม 2546 นั้น

โดยผู้ที่สนใจให้ยื่นความจำนงใน การใช้สิทธิ : เวลา 8.30 น. ถึง 15.30 น. ของวันที่ 16-30 กันยายน 2546 อัตราการใช้สิทธิ ใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วยมีสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญได้ 1.074 หุ้น ราคาที่จะซื้อหุ้นสามัญตามสิทธิ หุ้นละ 10 บาท

บริษัทฯจะไม่มีการปิดสมุดทะเบียนเพื่อพักการโอนสิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิ ยกเว้นการใช้สิทธิครั้งสุดท้าย จะมีการปิดสมุดทะเบียน 21 วัน ก่อนวันครบกำหนดการใช้สิทธิครั้งสุดท้าย

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา CAPE แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า คณะกรรมการบริษัท ได้อนุมัติการขายเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ไม่ได้ใช้งานบางส่วนในสัดส่วนไม่เกิน 10% ของสินทรัพย์ทั้งหมดให้กับบุคคลอื่น โดยราคาขายจะต้องไม่ต่ำกว่ามูลค่าของสิน ทรัพย์คงเหลือรวมทั้ง ลดจำนวนพนักงานโดยประมาณ 220 คนเพื่อให้เหมาะสมกับแผนการผลิตในปัจจุบัน

ซึ่งการลดพนักงาน เนื่องจากไลน์การผลิตที่ปิดลง เช่น CRT เป็นผลจากลูกค้าที่หดหายและไม่มีออร์เดอร์แล้วในปัจจุบันและตลาดหันมาใช้หลอด ภาพ LCD ที่มีมาร์จินดีกว่าแทน ที่สำคัญคือการแข่งขันด้านการตลาด ซึ่งจีนหันมาผลิต CRT และมีต้นทุนต่ำกว่า มาก เนื่องจากได้เปรียบของค่าแรงที่ถูก กว่าของไทย ส่งผลให้ CAPE ไม่สามารถสู้ราคาขายได้ ทำให้ลูกค้าหันไปซื้อสินค้าจากจีนแทน



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.