|
เครือLHไตรมาส1รายได้ลด พฤกษาสวนกระแสกำไรพุ่งลั่นขึ้นเบอร์หนึ่ง
ASTVผู้จัดการรายวัน(13 พฤษภาคม 2552)
กลับสู่หน้าหลัก
ธุรกิจอสังหาฯในเครือแลนด์ฯรายได้ไตรมาส1 ลดลง คาดปัจจัยทางการเมือง-เศรษฐกิจตัวแปรหลัก ค่ายคิวเฮ้าส์คุมก่อหนี้ เบรกซื้อที่ดินเพิ่ม เผยทำรายได้รวม 2,233 ล้านบาท ลดลง 6% ด้านพฤกษาฯ เดินหน้าสู่ผู้นำตลาด ปรับแผนเปิดโครงการเพิ่มปีนี้ 27 โครงการ จากเดิม 22 โครงการ เผยไตรมาส 1 กวาดรายได้รวม 3,780 ล้านบาท กำไรพุ่ง123% เชื่อสิ้นปีขึ้นแท่นเบอร์หนึ่ง
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ต่างหลีกหนีไม่พ้นกับปัญหาทางการเมืองของไทย จนกลายเป็นอุปสรรคที่เป็นปัจจัยลบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศได้ แม้ว่ารัฐบาลชุดปัจจุบัน จะพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจ การดูแลปัญหาค่าครองชีพของประชาชน รวมถึงการออกมาตรการทางภาษีในการเร่งรัดให้เศรษฐกิจในประเทศเกิดการขับเคลื่อน ซึ่งแน่นอน ผลกระทบดังกล่าวย่อมส่งผลถึงแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทอสังหาฯที่จะเริ่มประกาศตัวเลขออกมาในไตรมาส1ปี 2552 และอาจจะเป็นสัญญาณสะท้อนให้เห็นการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี52ด้วย
บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH เป็นผู้นำตลาดที่มีส่วนแบ่งค่อนข้างสูง เนื่องจากมีธุรกิจอสังหาฯในเครือที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ล่าสุด ทางบริษัทฯได้แจ้งผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 52 โดยระบุว่า มีรายได้จากการขาย 2,962.85 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปี 51 ที่มีรายได้จากการขาย 3,678.21 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมของบริษัทฯในไตรมาสนี้ 3,120.51 ล้านบาท เทียบกับ 3,807.37 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 628.94 ล้านบาท และ 658.17 ล้านบาท ตามลำดับ
QHคุมก่อหนี้เบรกซื้อที่ดินเพิ่ม
นางสุวรรณา พุทธประสาท รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH กล่าวว่าในไตรมาส1ปี 52 บริษัทฯมีรายได้รวมจำนวน 2,233 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 51 มีรายได้รวม 2,370 ล้านบาท ลดลง 137 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 6% สาเหตุเกิดจากรายได้จากการขายบ้านพร้อมที่ดินลดลงจำนวน 119 ล้านบาท หรือลดลง 6% เนื่องจากการชะลอตัวลงของตลาดขายอสังหาฯ ที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายใน ประเทศ
ขณะที่รายได้จากค่าเช่าพื้นที่ในอาคารสำนักงานและค่าบริการที่เกี่ยวข้อง ในไตรมาส 1 ลดลง จำนวน 4 ล้านบาท หรือลดลง 5 % เนื่องจากบริษัทมีลูกค้าเช่าพื้นที่รายใหญ่ของโครงการคิวเฮ้าส์ สาทร สัญญาเช่าครบกำหนดและย้ายออกจากโครงการดังกล่าว เช่นเดียวกับรายได้จากค่าเช่าพื้นที่ในอาคารพักอาศัยและค่าบริการที่เกี่ยวข้อง ลดลงจำนวน 19 ล้านบาท หรือลดลง 8 % เนื่องจากสภาพตลาดโดยรวมของอาคารพักอาศัยให้เช่ายังคงชะลอตัว ทั้งนี้ ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศไทยและทั่วโลก
แต่ในส่วนรายได้จากการแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมนั้น ในไตรมาส 1 ปี 52 มีจำนวน 97 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 18 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 19 % แยกเป็นบริษัทร่วม 4 แห่ง ที่เพิ่มขึ้น คือ ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัท โฮมโปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เพิ่มขึ้นจำนวน 15 ล้านบาท , บริษัท ควอลิตี้ คอนสตรัคชั่น โปรดัคส์ จำกัด (มหาชน) เพิ่มขึ้น 5 ล้านบาท ,ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เพื่อรายย่อยจำกัด (มหาชน) ลดลง 5 ล้านบาท และจากกองทุนรวมอสังหาฯควอลิตี้ เฮ้าส์ เพิ่มขึ้น 3 ล้านบาท
ดังนั้น ในส่วนกำไรสุทธิงวดไตรมาส1ปี 52 อยู่ที่ 292 ล้านบาท ลดลง 15 ล้านบาท หรือ 5% เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิไตรมาส 1 ปี 51 ที่ 307 ล้านบาท ด้านสินทรัพย์รวมและหนี้สินรวมลดลงจากปี 51 (ณ วันที่ 31 ธ.ค. 51) โดยสินทรัพย์รวมสิ้นเดือนมี.ค.52 อยู่ที่ 28,784 ล้านบาท ลดลง 27 ล้านบาท ส่วนหนี้สินรวม 17,014 ล้านบาท ลดลง 300 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทชะลอการซื้อที่ดิน เพราะว่าบริษัทมีที่ดินเพียงพอที่จะรองรับการพัฒนาโครงการในอนาคต ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจได้ชะลอตัวลง ดังนั้น จึงต้องใช้ความระมัดระวังในการลงทุนและรักษาฐานะการเงินของบริษัทให้มั่นคง
PSปรับแผนเปิดโครงการเพิ่มรับยอดขาย
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS กล่าวถึงผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 52 ว่า เติบโตขึ้นมาก โดยมีรายได้ 3,780 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2551 ที่มีรายได้ที่ 2,230 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 687 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 123% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 308 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้มาจากโครงการทาวน์เฮาส์ 60% บ้านเดี่ยว 30% และโครงการคอนโดมิเนียม 10%
ทั้งนี้ ทางพฤกษาฯมียอดโอนกรรมสิทธิ์สูงถึง 2,467 ยูนิต โดยเฉพาะในเดือนมีนาคมสามารถทำยอดโอนสูงสุดถึง 1,393 ยูนิต ส่วนหนึ่งเป็นเพราะในช่วงเวลาดังกล่าว รัฐบาลค่อนข้างล่าช้าในการประกาศขยายมาตรการลดภาษีค่าธรรมเนียม ค่าจดจำนอง เหลือ 0.01% ซึ่งจะสิ้นสุดมาตรการภายในวันที่ 28 มี.ค. 52 ทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่ไม่มั่นใจว่ารัฐบาลจะประกาศต่ออายุมาตรการหรือไม่จึงเร่งโอนในช่วงเวลาดังกล่าว
" แม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่เชื่อว่าหากมีการปรับตัวปรับแผนธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์จะสามารถผ่านวิกฤตในช่วงนี้ไปได้ รวมถึง การจัดกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยพยายามรักษาฐานตลาดระดับกลางจนถึงล่างไว้ เนื่องจากเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อ" นายทองมากล่าว
ด้านนายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัทฯ กล่าวว่า ในปีนี้ บริษัทได้ปรับแผนพัฒนาโครงการใหม่ โดยได้ขยับเพิ่มจาก 22 โครงการ เป็น 27 โครงการ ส่วนใหญ่เป็นทาวน์เฮาส์และบ้านเดี่ยว ในสัดส่วนสูงถึง 80% ที่เหลืออีก 20% เป็นคอนโดมิเนียม เพราะเห็นว่า ทาวน์เฮาส์และบ้านเดี่ยวมีรอบในการก่อสร้างเพียง 104 วัน ทำให้รอบของการใช้เงินเร็วขึ้น
อย่างไรก็ตาม การก่อสร้างจะต้องสอดคล้องกับยอดขายด้วย เพราะหากสามารถสร้างบ้านได้เร็ว แต่ขายสินค้าได้ช้า ก็จะทำให้เกิดสินค้าคงค้าง(สต๊อก)ได้ และจากข้อมูลยอดขายในเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงก่อการจลาจลพบว่า บริษัทมียอดขาย 1,020 ล้านบาท แต่พอเข้าสู่เดือนพฤษภาคม ปรากฏว่าสามารถทำยอดขายได้ 600 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคไม่ได้ปรับลดลงไปมาก อีกทั้งยังมีกำลังซื้อของผู้บริโภคอยู่สูง
“การกระจายพอร์ตการลงทุนไปในทุกตลาดของบริษัท ทำให้เมื่อมีปัญหาอะไรเข้ามากระทบกำลังซื้อ หรือเกิดการเคลื่อนไหวของตลาด เราก็ปรับไปที่ตลาดนั้นได้ทันที เพราะพฤกษามีสินค้าในตลาดดังกล่าวขาย และเพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาดทาวน์เฮาส์ระดับกลางและล่างไว้อย่างมั่นคง ขณะเดียวกัน พฤกษาจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์โดยมีสินค้าในกลุ่มใหม่ๆ เพื่อให้สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น บ้านภัสสร โครงการบ้านใหม่ย่านทางด่วนเอกมัย รามอินทราได้ปรับราคาลงมาเหลือประมาณ 2-3 ล้านบาท จากเดิมบ้านภัสสรจะอยู่นอกเมืองเป็นหลัก และมีราคาเฉลี่ยตั้งแต่ 1 ล้านไปถึง 10 ล้านบาท” นายประเสริฐกล่าว
ขอแจมโครงการบ้านยิ้มกทม.
นอกจากนี้ ทางบริษัทพฤกษาฯยังมีความประสงค์จะเข้าร่วมโครงการบ้านยิ้มโครงการ 2 ซึ่งเป็นบ้านสวัสดิการข้าราชการและลูกจ้างประจำของกทม.ที่มีรายได้เกิน 13,500 บาท เพราะราคาทาวน์เฮาส์และบ้านเดี่ยวของโครงการดังกล่าว เป็นกลุ่มเป้าหมายเดียวกับบ้านของพฤกษา โดยได้เข้าไปหารือกับกทม. แล้วคาดว่าจะดำเนินการโครงการนี้ได้ประมาณเดือนมิถุนายน
สำหรับนโยบายเช็คช่วยชาติ ที่พฤกษาฯทำแคมเปญเพิ่มมูลค่าเช็คช่วยชาติจาก 2,000 บาท เป็น 4,000 บาท ได้รับผลตอบรับที่ดี มียอดจองด้วยการใช้เช็คช่วยชาติ จำนวน 100 ยูนิต ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการใช้เช็คช่วยชาติมาซื้อด้วยตัวเอง
ลงทุนอินเดียเพิ่ม
นายทองมา กล่าวถึงการลงทุนในต่างจังหวัดและต่างประเทศว่า โครงการที่เมืองบังกาลอ ประเทศอินเดียนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการโอนที่ดินเพื่อนำมาพัฒนาโครงการ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณเดือนครึ่ง หลังจากนั้นก็จะเริ่มขออนุญาตก่อสร้างคาดว่าใช้เวลา 2-3 เดือน ซึ่งในระหว่างนั้นสามารถเปิดขายพรีเซลล์ได้เลย และลงมือออกแบบ โดยคาดว่าจะมีรายได้จากโครงการนี้ประมาณ 200-300 ล้านบาทในปีนี้ จากมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างเจรจาซื้อที่ดินอีก 1 แปลง มูลค่า 100 ล้านบาท พัฒนาโครงการมูลค่า 600 ล้านบาท โดยจะเปิดโครงการได้ในปีนี้ เงินลงทุนทั้ง 2 โครงการประมาณ 350 ล้านบาท
สำหรับการลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในประเทศเวียดนามนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดซื้อที่ดิน ส่วนในต่างจังหวัดของไทย ได้แก่ ภูเก็ต และ พัทยานั้น ผลการศึกษาตลาดสำเร็จเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างซื้อทีดินเช่นกัน โดยการพัฒนาจะมีขนาดโครงการไม่ใหญ่มาก เนื้อที่ประมาณ 20-30 ไร่ เน้นเฉพาะกลุ่มลูกค้าซื้อเพื่ออยู่อาศัย คนทำงานในย่านนั้น เพราะเป็นกำลังซื้อที่แท้จริง แต่จะไม่ทำตลาดท่องเที่ยว
เมเจอร์-ไรมอนแลนด์ฯกำไรลด
นายสุริยน พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในไตรมาสนี้ บริษัทมีรายได้รวม 626.57 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 1 ปี 51 ที่ 614.52 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 101.5 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับ 111.2 ล้านบาท
ด้านบริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) ในไตรมาส 1 ตามงบการเงินเฉพาะกิจการมีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 13.27 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปี 51 มีกำไรสุทธิตาม งบการเงินเฉพาะกิจการจำนวน 168.70 ล้านบาท โดยสาเหตุหลักเกิดจากการที่ในไตรมาสที่ 1 ของปี52 บริษัทสามารถรับรู้รายได้จากการขายโครงการอสังหาฯได้น้อยกว่าปีก่อน ขณะที่งบการเงินรวม แม้ว่าจะสามารถรับรู้รายได้จากการขายโครงการอสังหาฯได้มากกว่าไตรมาสที่ 1 ของปีก่อนจำนวน 109.41 ล้านบาทแต่บริษัทก็ยังมีผลกำไรสุทธิลดลงจำนวนประมาณ 47.92 ล้านบาท เพราะค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นจำนวน 77.23 ล้านบาท อีกทั้งบริษัทและบริษัทย่อย มียอดขายที่ยังไม่รับรู้รายได้จากโครงการต่างๆ จำนวนประมาณ 8,423 ล้านบาท
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|