|
เงินไหลออกกดทุนสำรองฯลด
ผู้จัดการรายวัน(28 เมษายน 2552)
กลับสู่หน้าหลัก
ทุนสำรองระหว่างประเทศลดลง 3.38 หมื่นล้านบาท ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท.ให้เหตุผลเงินทุนไหลออกเกิดจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกมากกว่าปัจจัยการเมือง ขณะที่เงินทุนใหม่เข้ามาลงทุนน้อยจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่ดี
รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แจ้งว่า ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาหรือระหว่างที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง (สงกรานต์) เมื่อวันที่ 8-15 เม.ย.ตัวเลขฐานะเงินทุนสำรองทางการระหว่างประเทศของธปท.ได้ปรับตัวลดลง 953.39 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 33,845.35 ล้านบาท (ค่าเงินบาท ณ สิ้นงวด 35.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ) จากล่าสุดเมื่อวันที่ 17เม.ย.มีการประกาศตัวเลขเงินทุนสำรองระหว่างประเทศทั้งสิ้น 115,713.67 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับวันที่ 3 เม.ย. ซึ่งเป็นสัปดาห์ก่อนหน้าที่จะเกิดสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองอยู่ที่ 116,667.06 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
เป็นผลจากความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยที่ลดลง อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากปัจจัยการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงเงินทุนสำรองฯ พบว่า ค่าเงินบาทอ่อนค่าเพียง 0.10 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หรือลดลง 0.28% โดยค่าเงินบาทเมื่อวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 35.35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับวันที่ 3 เม.ย.ค่าเงินบาทอยู่ที่ระดับ 35.25 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ก่อนหน้านี้ นางดวงมณี วงศ์ประทีป ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธปท. กล่าวว่า แนวโน้มการเคลื่อนย้ายเงินทุนในช่วงต่อไปว่า ถึงแม้ว่าในเรื่องความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของประเทศจะได้รับผลกระทบจากปัญหาภายในประเทศบ้าง แต่การเคลื่อนย้ายเงินทุนของนักลงทุนต่างประเทศออกไปนั้นเกิดขึ้นจากผลของวิกฤตเศรษฐกิจในต่างประเทศ ซึ่งนักลงทุนจะขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง และนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำแทน
ขณะเดียวกันประเทศไทยไม่ได้เกี่ยวข้องหรือมีสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ทำให้ไทยน่าจะได้รับผลจากการเคลื่อนย้ายเงินทุนออกไปไม่มาก ประกอบกับเมื่อเศรษฐกิจทั่วโลกไม่ดีนัก การนำเงินมาลงทุนใหม่ในประเทศไทยของนักลงทุนต่างชาติก็ไม่น่าจะเพิ่มขึ้นมากเช่นกัน ดังนั้น แนวโน้มในช่วงต่อไป การไหลเข้าและออกของเงินต่างประเทศคงไม่ผันผวนมาก
แต่หากมองแนวโน้มจากการเม็ดเงินการส่งออกสุทธิ จะพบว่าในไตรมาสแรกของปีนี้ แม้ว่ามูลค่าการส่งออกของไทยจะปรับลดลงมาก แต่การนำเข้าของไทยลดลงมากกว่า ทำให้ดุลการค้าของไทยยังคงเป็นบวก และมีเงินไหลเข้าจากส่วนนี้อย่างต่อเนื่อง โดย ธปท.คาดว่าทั้งปี 2552 ดุลการค้าของไทยจะเกินดุล ระหว่าง 10,500-13,5000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
เช่นเดียวกับนางสาวนวพร มหารักขกะ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงิน ธปท.กล่าวว่า สายนโยบายสถาบันการเงินกำลังอยู่ระหว่างจับตาสินเชื่อที่อยู่อาศัย หลังจากที่ล่าสุดในไตรมาสแรกของปีนี้สินเชื่อประเภทนี้มีสัดส่วนหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)อยู่ที่ระดับ 4% จากไตรมาสก่อน 3.6% นับเป็นครั้งแรกที่สินเชื่อบ้านเมีเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นโดยเริ่มเห็นสัญญาณว่าชาวต่างชาติที่ซื้อคอนโดในไทยเริ่มมีการทิ้งสัญญามากขึ้น
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|