ถนนที่ยังไปไม่ถึงดวงดาวของ "ถนอม อังคณะวัฒนา"


นิตยสารผู้จัดการ( ธันวาคม 2531)



กลับสู่หน้าหลัก

"หาตัวยากชะมัด"

"เอ้า หายไปไหนอีกแล้ว"

"เมื่อกี้ยังส่งเสียงโหวกเหวกอยู่เลย"

บทสนทนาสั้น ๆ อย่างนี้ได้ยินกันบ่อย ๆ ในงานเลี้ยงของคนในแวดวงก่อสร้าง-ที่ดิน ซึ่งคนที่ถูกกล่าวถึงนี้หากจะพบตัวก็ต้องตั้งใจสังเกตกันให้ดี เนื่องจากไม่เพียงแต่รูปร่างที่ไม่สูงนักจะเป็นอุปสรรคแล้ว ความคล่องแคล่วปราดเปรียวเข้าทำนองเปลี่ยนทำเลได้ทุกวินาทีก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การพบกับเขาเป็นไปอย่างยากเย็นเสียเหลือเกิน

แต่นั่นก็เป็น "คุณสมบัติ" ที่มีความสำคัญยิ่งยวดต่อการผลักดันให้ "ถนอม อังคณะวัฒนา คนตัวเล็กเสียงดังได้ไต่เพดานธุรกิจขึ้นสู่ความเป็น "หนึ่ง" ในวงการที่ดินได้อย่างไม่อายใคร เพียงระยะเวลาขวบปีกว่า ๆ กับวัยเพียง 35 ปี มันไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะลงทุนทำโครงการอาคารชุดมูลค่าหลายร้อยล้านบาทให้สำเร็จในระยะเวลาไล่เลี่ยกันได้ถึง 2 โครงการ

และเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมากยิ่งไปกว่านั้นก็ตรงที่ โครงการหลังยังไม่ได้เป็นรูปเป็นร่างเพียงแค่ลงโฆษณาในหน้าหนังสือพิมพ์ไม่กี่ครั้ง ก็ปรากฏว่ามียอดคนสั่งจองไม่น้อยกว่า 90% และในส่วนของโครงการแรกก็มีผู้ที่จองไว้เต็มโครงการ กระทั่งเป็นที่ฮือฮาอย่างมาก ๆ

ความสำเร็จอย่างนี้เหมือนกับ "ฟลุ้ค" อย่างงั้นแหละ!!!

"ผมไม่เถียงว่าความจริงมันเป็นอย่างนั้น เพราะเล่นและค้าที่ดินนี่ว่าไปแล้วมันขึ้นอยู่กับดวงและโชคชะตา จะหนุนส่งที่บางแห่งเราคิดว่ามันไม่ได้ก็ได้ขึ้นมาและทำเงินให้อย่างที่ไม่น่าเชื่อ" ถนอมยอมรับความสำเร็จที่ผูกพันมากับดวงอย่างไม่ปฏิเสธกับ "ผู้จัดการ"

ของพรรค์นี้มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่จะกลายเป็นอาวุธสำคัญทางการตลาดที่ช่วยสร้างภาพพจน์ให้กับสินค้าไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว นี่แหละหนาที่เขาบอกว่า "คนเราดวงมันจะรวยและดังเสียอย่าง อะไรก็มายั้งหยุดไม่ได้"

ถนอม อังคณะวัฒนา บอกว่าเขาตัดสินใจเลือกทางเดินสายนี้ถูกต้องแล้วกับชีวิต!!!

ใครบ้างจะรู้ว่าก่อนหน้าที่ถนอมจะหันเหชีวิตเข้าสู่วงการที่ดินนั้น เขาได้รับการทาบทามให้เข้าร่วมงานกับบริษัทน้ำมันใหญ่แห่งหนึ่งในอัตราเงินเดือนสูงน่าพอใจ ทว่าเมื่อนำข้อเสนอนั้นไปปรึกษากับทางบ้านกลับได้รับคำตอบกลับมาว่า "แกเป็นลูกจ้างตายแล้วเกิดอีกสิบปีก็สู้เสี่ยงดวงมาเป็นเถ้าแก่เองไม่ดีกว่าหรือ"

แต่ถนอมอาจจะโชคดีอยู่มากตรงที่ว่า การเสี่ยงดวงของเขานั้นไม่น่ากลัวเกินไปนัก เนื่องจากฐานะทางบ้านจัดอยู่ในขั้นเศรษฐีเมืองจันทบุรีคนหนึ่ง เขาเริ่มสะสมประสบการณ์การเล่นที่ดินด้วยการเข้ามาทำงานกับบริษัทสตรามิตบอร์ด ซึ่งมีชื่อเสียง (ปัจจุบัน คือ บริษัทสตาร์บล็อค) อยู่ที่นี่ได้ 3 ปีก็ปะเหมาะเจอะเจอเข้ากับ วิศิษฐ์ ลีละศิธรแห่งกลุ่มเฮียบตั๊ก ซึ่งกำลังจะเบนเข็มจากวงการอาหารสัตว์เข้าสู่วงการก่อสร้าง-ที่ดิน

เฮียบตั๊กนั้นได้ชื่อว่าเป็นกลุ่มทุนระดับชาติกลุ่มหนึ่ง ตัวเถ้าแก้เช่น "วิศิษฐ์ ลีละศิธร" นั้นเป็นชาวจีนโพ้นทะเลที่เข้ามาตั้งรกรากทำมาหากินในหาดใหญ่จนร่ำรวยแล้วขยายธุรกิจเข้าสู่เมืองหลวง

สำหรับถนอม อังคณะวัฒนา ฉลามเปรียวจากจันทบุรี เมื่อปี 2526 ก็กำลังเริ่มเนื้อหอม การร่วมมือกันของคนทั้งคู่จึงเสมือนกับเป็นการรุกครั้งสำคัญของ "ผู้ยิ่งใหญ่แห่งภูธร" โดยแท้เทียว…

เดิมทีเดียวทางกลุ่มเฮียบตั๊กนั้นไม่ต้องการจะสร้างอาคารใหญ่โตหรูหราอย่าง "วอลล์สตรีททาวเวอร์" สิ่งที่กลุ่มนี้เพียงต้องการ OFFICE BUILDING ชั้น 1 แต่เมื่อถนอมเข้ามาศึกษาความเป็นไปได้ของตลาด และวางระบบบัญชีอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วจึงเกิดการเปลี่ยนใจหันมาทุ่มทุนสร้างตึกหรูระยับกลางใจเมือง

วอลล์สตรีท ทาวเวอร์กับภาวะเสี่ยงยามเกิดวิกฤติการณ์ทางการเงินเมื่อปี 2527 เลยกลายเป็นกรณีศึกษาที่หลายคนให้ความสนใจอย่างมากว่า โครงการนี้สามารถผ่านมรสุมร้ายมาได้อย่างไรและแทบจะพูดได้ว่าเป็นอาคารเดียวที่มียอดขายเต็ม 100% จริง ๆ

"ผมว่ามันเป็นเรื่องของความมีใจสู้ของกลุ่มนักลงทุนที่ไม่หวั่นไหวกับสถานการณ์ร้าย ๆ ขณะนั้น และอีกอย่างคงเป็นเพราะดวงดีกระมัง เพราะทำเลของวอลล์สตรีทฯ ตั้งอยู่ในชัยภูมิที่ดีมาก กอปรกับเราพยายามสร้างภาพพจน์ของอาคารนี้ทุกรูปแบบให้ดูเป็นอาคารอัครฐานการขายเลยประสบผลสำเร็จ" ถนอมกล่าวกับ "ผู้จัดการ"

ความสำเร็จของวอลล์สตรีททาวเวอร์ ทำให้ชื่อเสียงของถนอม อังคะวัฒนา เป็นที่กล่าวขวัญกันหนาหู!!!

การสั่งสมประสบการณ์และสร้างเครดิตเท่าที่ผ่านมาก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ถนอมกล้าเสี่ยงเป็น "เถ้าแก่" ด้วยการตั้งบริษัทโมเดอร์น โฮม รับสร้างบ้าน และไล่เลี่ยกับการร่วมมือกับคนที่มีชื่อเสียงอย่าง ผศ.รังสรรค์ ต่อสุวรรณ และพรรคพวก เนรมิตโครงการอาคารชุด ซิลเวอร์บีช คอนโดมิเนียม ซึ่งเป็นโครงการใหญ่ริมหาดพัทยา

บางคนบอกว่าถนอมเป็นนักการตลาดโดยวิญญาณการเปิดตัวของซิลเวอร์บีช คอนโดมิเนียม จึงออกจะฟอร์มโตยิ่งกว่าทุก ๆ โครงการ แต่ผลที่ "ซิลเวอร์บีชฯ" ได้รับกลับมาก็คุ้มค่าปาน ๆ กันเพราะสามารถขายได้เกือบครบตามเป้า

ถนอมและพรรคพวกเริ่มซื้อที่ดินชายหาดพัทยา เพื่อเตรียมเนรมิตโครงการอื่นเพิ่มเติมกระทั่งในที่สุดก็ได้ที่ดินตรงจุดที่กำลังจะสร้างให้เป็น "ปาร์คบีช คอนโดมิเนียม" อาคารชุดใหญ่ที่สุดของชายหาดพัทยาในปัจจุบันซึ่งที่ดินบริเวณนี้ถนอมบอกว่าไม่นึกฝันว่าจะได้มา

นอกจาก 2 โครงการใหญ่ ๆ นี้แล้ว งานรับสร้างบ้านของบริษัทโมเดอร์นโฮมก็รุดไปข้างหน้าได้อย่างสวยสด ถึงกับสร้างความมั่นใจให้กับถนอมมากทีเดียวว่า "หากผมจะทำโครงการไหนแล้วทำให้มันดี ๆ ไม่ได้ ผมสู้ไม่ทำเลยเสียดีกว่า เพราะทุกวันนี้ผมหยุดสร้างโครงการไปได้อีก 10 ปีก็อยู่กินได้อย่างสบาย ๆ

และเพราะทางที่ได้แผ้วถางเป็นอย่างดี จึงทำให้ถนอมบอกกับ "ผู้จัดการ" ว่า บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่เขาจะเบี่ยงเบนตัวเองจากการก่อสร้างอาคารชุดมาทำหมู่บ้านจัดสรรดูบ้าง ขณะเดียวกันเป้าหมายสูงสุดของเขาก็อยากทำให้เป็นจริงในปีหน้าก็คือ การได้สร้างโครงการอาคารชุดขนาดยักษ์ขึ้นใน กทม. ซึ่งนั่นเป็นความหวังสูงสุดยอดที่คนอย่างเขาต้องการ

ความฝันของเขาใกล้จะเป็นความจริงทุกขณะ จังหวะก้าวในปี 2532 ของเขามีความหมายมาก เขาอาจจะก้าวจาก HIGH LIGHT ลงสู่ภาคพื้นดินเสียที "โครงการใหม่มีแน่ บอกได้ว่าไม่ใช่ซื้อโรงแรมอย่างที่ผมฝันก็แล้วกัน"

เอาเป็นว่าปี 2532 นี้ลองมาดูกันอีกสักครั้งว่าจะเป็น "ปีทอง" ของถนอมและพรรคพวกอีกหรือไม่??



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.