18 ปี กับงานตรวจสอบบัญชีในดีลอยท์

โดย นภาพร ไชยขันแก้ว
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา( พฤษภาคม 2552)



กลับสู่หน้าหลัก

"ผมได้ทำ ได้คิด ได้พัฒนา ในสายอาชีพนี้ทั้งเรื่องกฎ กติกา มันเปลี่ยนตามสภาพแวดล้อม มีการอัพเดตตัวเอง นั่นเป็นเหตุผลที่ผมไม่ได้เปลี่ยนงาน"

ชวาลา เทียนประเสริฐกิจ หุ้นส่วนด้านการสอบบัญชี วัย 41 ปี เป็นผู้บริหารอีกคนหนึ่งที่ร่วมงานกับบริษัทดีลอยท์ ทู้ช โธมัทสุ ไชยยศ จำกัด มาเป็นระยะเวลา 18 ปี และไม่เคยทำงานที่อื่นมาก่อน

เขาเริ่มงานตั้งแต่ยุคเติมศักดิ์ ทำให้เขาได้เห็นการเปลี่ยนแปลงระบบทำงาน จากสำนักงานเล็กๆ ที่มีคอมพิวเตอร์ไม่กี่เครื่อง จนปัจจุบันทุกคนมีเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง ที่สามารถเชื่อมโยงระบบการทำงานเป็นเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ

ชวาลาจบการศึกษาทางด้านบัญชีโดยตรง ปริญญาตรีบัญชีบัณฑิต มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ปริญญาโท 2 ใบ จากบัญชีมหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และการจัดการมหาบัณฑิต วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล และทำงานเป็นผู้สอบบัญชี จึงทำให้ชีวิตของเขาเป็นนักบัญชีอย่างเต็มรูปแบบ งานที่เขาทำจึงมีแต่ตัวเลข ยิ่งทำให้มองว่าเป็นงานที่ไม่น่าอภิรมย์

ทว่าชวาลากลับไม่มองเช่นนั้น เพราะเขามองว่าอาชีพผู้ตรวจสอบบัญชีเป็นงานไดนามิก เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เพราะพัฒนาการของธุรกิจแต่ละช่วงจะแตกต่างกัน และจากประสบการณ์ทำงานของเขา ที่เริ่มจากผู้ช่วยผู้จัดการ จนกลายมาเป็นผู้จัดการสอบบัญชี ซึ่งหน้าที่ ความรับผิดชอบ ปัญหา สิ่งแวดล้อม แตกต่างกัน

เมื่อได้รับโอกาสให้ไปเรียนรู้งานที่บริษัทดีลอยท์ในสหรัฐอเมริกา ทำให้ได้ทำงานในสิ่งแวดล้อมต่างออกไป รวมถึงการเรียนรู้ทางด้านบัญชี ทำให้เขาเติบโตในสายอาชีพนี้ และเขาได้อธิบายให้เห็นภาพหน้าที่รับผิดชอบที่ค่อยๆ โต เหมือนกับถั่วงอกกลายเป็นต้นแก้ว จนกระทั่งพัฒนาไปเป็นต้นสัก

ดีลอยท์ โกลบอล มีบทบาทในการถ่ายทอดเทคโนโลยีและพัฒนาบุคลากร โดยเฉพาะการพัฒนาบุคลากร ได้กำหนดมาตรฐานให้พนักงานใหม่ที่เข้าร่วมงานในบริษัท 4-5 ปี จะต้องเข้าหลักสูตรการเรียนรู้เพิ่มเติมอย่างน้อย 120-160 ชั่วโมงต่อปี ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานของวิชาชีพตรวจสอบบัญชี ที่จะต้องเรียนรู้ 12 ชั่วโมงต่อปี

พื้นฐานของวิชาชีพตรวจสอบบัญชี จะต้องมีนิสัยซื่อสัตย์สุจริต มีอิสระในการทำงาน ซึ่งถือว่าเป็นกฎเหล็กของบริษัทที่ต้องยึดถือปฏิบัติติดต่อกันมาหลายยุค จนตลอดระยะ 70 ปี บริษัทไม่เคยมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น

"การทำงานที่นี่เหมือนล้างสมอง ต้องสุจริต เที่ยงธรรม ไม่มีอคติ ต้องตรงไปตรงมา ขึ้นอยู่กับหลักฐาน เป็นสิ่งที่เรียนรู้มาตั้งแต่สมัยเรียนจนทำงาน จึงกลายเป็นดีเอ็นเอไปแล้ว"

ความโปร่งใส และสังคมที่เรียกร้องธรรมาภิบาลเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้บริษัทแยกระบบการทำงานระหว่างที่ปรึกษา และตรวจสอบบัญชีออกจากกันอย่างสิ้นเชิง เพื่อให้ระบบการบริหารงานมีอิสระต่อกัน

แม้ว่างานจะดูเคร่งเครียด และต้องรักษากฎกติกา รวมไปถึงจริยธรรมอย่างเคร่งครัด แต่ชวาลายอมรับว่าเขาสนุกกับงานนี้ เพราะเขามีโอกาสได้พบกับคนร้อยแปดพันเก้า ได้พบเห็นสิ่งมากมาย ที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น

เป้าหมายชีวิตของเขาวันนี้มองว่า เขายังมีศักยภาพในการทำงานให้องค์กร ได้ทำหลายสิ่งที่ต้องการ และมีหลายอย่างที่ต้องเปลี่ยน

"ปรัชญาการทำงานของผม คือ การรักในสิ่งที่เราทำ ทำในสิ่งที่เรารัก เป็นจุดเริ่มที่ต้นที่สำคัญ ถ้าไม่เริ่มต้นเราจะไม่มีพลังในการทำงาน ถ้าทำในสิ่งที่ตั้งใจเราจะทำได้เยอะ"


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.