ชีวิตใหม่ของ Michelle Obama

โดย มานิตา เข็มทอง
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา( พฤษภาคม 2552)



กลับสู่หน้าหลัก

มาทำความรู้จักกับตัวตนของ Michelle Obama สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯ หลังเริ่มต้นชีวิตใหม่ในบ้านหลังใหม่ จากบทสัมภาษณ์ส่วนหนึ่งของ Oprah Winfrey ในนิตยสาร O ฉบับเดือนเมษายนที่ผ่านมา

Oprah ถามถึงความแตกต่างในความเป็นตัวเองของ Michelle ก่อนและหลังที่บารัค โอบามา จะประกาศลงเลือกตั้งในปี 2007 เธอตอบว่า เธอมองโลกในแง่ดีมากขึ้น มีความหวังมากขึ้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้มาจากการที่เธอเดินทางไปทั่วอเมริกา พบปะกับผู้คนที่แตกต่างจำนวนมากมาย และนี่เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับเธอช่วงแรกของการหาเสียงก่อนที่คนจะคิดว่า บารัค โอบามา จะมีโอกาส "นี่คือความเอื้ออารีของคนแปลกหน้า" เธอกล่าวอีกว่า "เราทุกคนควรจะได้ทำความรู้จักซึ่งกันและกันรอบๆ โต๊ะอาหารในห้องครัว" ทุกอย่างเธอได้จากการไปพบปะผู้คนจากครัวเรือนหนึ่งสู่ครัวเรือนหนึ่ง เธอมองเห็นคุณค่าที่ทุกคนมีร่วมกัน โดยพื้นฐานแล้ว ทุกคนต้องการในสิ่งเดียวกัน "พวกเราต้องการให้เด็กๆ ปลอดภัย เติบโตด้วยทรัพยากรและความปรารถนาที่จะมีชีวิตที่ดีกว่าพวกเรา ไม่มีใครต้องเที่ยวคอยหาความช่วยเหลือ ผู้คนต้องการเพียงแค่ความยุติธรรมและโอกาส"

Oprah เสริมต่อว่า รู้สึกดีที่ได้ยินเช่นนี้ เพราะพวกเราอยู่ในวัฒนธรรม "American Idol" ราวกับว่าทุกคนต้องการเป็นจุดเด่น

Michelle ตอบทันทีว่า นั่นไม่ใช่ชาวอเมริกันในสายตาของเธอ ผู้คนให้ความสำคัญต่อชุมชนต่างๆ พวกเขาให้กำลังใจซึ่งกันและกัน แม้กระทั่งในที่ที่เธอคิดว่า ผู้คนอาจจะไม่ยอมรับเธอ หรือเชื่อมโยงกับเธอ เธอกลับมีความรู้สึกรื่นเริงทุกครั้งที่ได้พบปะผู้คนที่หลากหลาย ประสบการณ์เหล่านั้นเปลี่ยนแปลงเธอและช่วยเตรียมความพร้อมให้เธอสำหรับบทบาทใหม่ในฐานะสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกา

"เพราะฉันมีความเชื่อว่า คนที่จะมาเป็นสตรีหมายเลขหนึ่งจะต้องมีความศรัทธาในความเป็นไปได้ของหลักการที่ประเทศนี้ยึดมั่น ซึ่งคุณจะต้องสัมผัสด้วยตนเองและจะรู้ว่าคุณกำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางใด" เธอกล่าว

Michelle เริ่มต้นสร้างแบบอย่างที่ดีต่อครอบครัวอเมริกัน ระหว่างการรณรงค์หาเสียงตามที่ต่างๆ เธอให้ความสำคัญในเรื่องอาหารการกินเป็นพิเศษ เธอมั่นใจว่าทุกคนในครอบครัวจะต้องได้รับสารอาหารที่มีคุณค่า เธอพยายามซื้อผักผลไม้ที่ผลิตในท้องถิ่น เธอจะสอนลูกๆ ทั้งสองให้อ่านฉลาก และมีการพูดคุยกันถึงความแตกต่างของน้ำผลไม้ที่ทำไมบางอย่างดีกว่าอีกอย่าง ดูจากส่วนประกอบส่วนผสม อันไหนที่มีสารปลอมปนไม่ใช่จากธรรมชาติก็ให้พยายามหลีกเลี่ยงไม่จับจ่ายมาบริโภค ซึ่งเธอเข้าใจดีว่า เป็นเรื่องยากของครอบครัวในปัจจุบัน เนื่องจากอาหารส่วนใหญ่ที่จำหน่ายทั่วไปมีสารเคมีเจือปนจำนวนมาก ไม่ได้จากธรรมชาติจริงๆ ยังมีหลายครัวเรือนอาศัยอยู่ในชุมชนที่ไม่มี Farmer Market หรือตลาดสด หรือไม่มีกำลังซื้อสินค้าที่มาจากธรรมชาติได้ เนื่องจากราคาสินค้าที่มาจากธรรมชาติยังสูงมากในปัจจุบัน เรื่องอาหารนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เนื่องจากวิถีการบริโภคอาหารสามารถสร้างความแตกต่างในการดำเนินชีวิตได้อย่างมาก Michelle ได้ประสบการณ์จากครอบครัวของเธอเอง "ทุกคนมีกำลัง วังชามากขึ้น ปีที่แล้วช่วงหาเสียง ฉันเป็นหวัดแค่หนเดียว แม้ว่าจะต้องจับมือคนนับล้าน" แต่กระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่แตะต้องอาหารขยะ (Junk Food) หรืออาหารที่ด้อยคุณค่าเลยทีเดียว ระหว่างหาเสียงมีผู้คนหยิบยื่นอาหารให้เธอเป็นประจำ "เยอะมาก ฉันก็ทาน เฮ้ ฉันชอบพายนะ ฉันชอบขนมหวาน และบางครั้งยามที่ทำงานอย่างหนัก อาหารที่อยู่ตรงหน้ามีแต่ก้อนลูกกวาด และมันฝรั่งทอด" เธอไม่มีทางเลือก แต่เมื่อเธอกลับถึงบ้าน เธอจะได้รับประทานแต่อาหารที่คุณประโยชน์ ครบถ้วน เป็นการสร้างสมดุล สำหรับเด็กๆ เช่นเดียวกัน ถ้าได้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์เป็นหลัก เมื่อถึงเวลาไปดูหนังแล้วจะซื้อข้าวโพดคั่วเข้า ไปทานบ้าง เธอก็จะไม่หวั่นวิตกมากนัก และไม่ต้องการให้เด็กๆ กังวลมากนักเกี่ยวกับอาหาร

นอกจากเรื่องอาหาร การออกกำลังกายถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับครอบครัวโอบามา ในเมื่อที่บ้านหลังใหม่นี้มีห้องออกกำลังกายให้ใช้นับเป็นโอกาสดีที่ Michelle สามารถออกกำลังกายสัปดาห์ละ 4-5 ครั้ง ส่วนประธานาธิบดีบารัคออกกำลังกายสัปดาห์ละ 6 ครั้ง "เขาเป็นพวกคลั่งการออกกำลังกาย" เธอกล่าว Oprah ได้โอกาสสัพยอก ว่าเธอดูดีขึ้นมาก ก่อนหน้านี้ถึงขั้นมีข่าวลือว่า เธอตั้งครรภ์อ่อนๆ แต่ Michelle ยืนยันหนักแน่นอย่างอารมณ์ดีว่า เธอไม่ได้ตั้งครรภ์และไม่ได้อยู่ในแผนด้วย และเล่าอีกว่า หลังจากคลอด Malia ลูกสาวคนสุดท้อง เธอเริ่มให้ความสำคัญกับการออกกำลัง กาย เพราะตระหนักดีว่าความสุขของเธอเชื่อมโยง กับการรู้สึกอย่างไรกับตัวเอง "ฉันต้องการให้ลูกสาว ของฉันเห็นแม่ของพวกเขาดูแลตัวเอง ถึงแม้ว่าฉันต้องตื่นนอนตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง เพื่อออกกำลังกาย" ซึ่งต่อมาเธอรู้ดีว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่ปัจจุบันง่าย จากการที่มีผู้ช่วยมากมาย เธอมีเวลาดูแลตัวเองมากขึ้น และกล่าวว่า ถ้าไม่ได้ออกกำลังกาย เธอจะรู้สึกหดหู่ ทำให้นึกถึงสตรีอื่นที่ไม่มีใครช่วยแบ่งเบาภาระ ไม่มีเวลาดูแลสุขภาพของตัวเอง นี่จึง เป็นที่มาของโครงการสมดุลยภาพระหว่างงานกับครอบครัว ที่ไม่ใช่เพียงแค่นโยบายลมปาก แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงมาตรฐานที่คาดหวังไว้ของคนที่เป็นผู้หญิงและแม่ในเวลาเดียวกัน

"ครั้งหนึ่งเราเคยอยู่ในสังคมเล็กๆ ที่ทุกคนช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ครอบครัวอยู่ร่วมกัน ฉันเติบโตมาแบบนั้น บ้านคุณยายอยู่หัวมุม บ้านคุณปู่อยู่ไม่ไกล พวกเขาอยู่กับลุงป้าน้าอา ไม่บ่อยนักที่จะเห็นครอบครัวที่มีคนเพียงหนึ่งคนที่ทำทุกอย่าง ทำกับข้าว ทำความสะอาด ดูแลเด็กๆ ไปในเวลาเดียวกัน เพราะจะมีคนช่วยอยู่เสมอ แต่ปัจจุบันคนต้องย้ายออกจากชุมชนที่เคยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพียงเพื่อหางานทำ ดังนั้นเราต้องรับรู้ว่า นี่คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นและต้องตั้งคำถามว่า ส่งผล อย่างไรต่อสถาบันครอบครัวและเราจะยกเครื่องการอุปถัมภ์ค้ำชูอย่างไร" นั่นคือภารกิจหนักและสำคัญของสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งคนนี้ที่ต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของครอบครัวอเมริกันจากพื้นฐาน

จากนั้น Oprah ถาม Michelle ว่ามีความรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับคำวิพากษ์วิจารณ์หลากหลายที่มีต่อประธานาธิบดีบารัค โอบามา ว่าควรทำอย่างนั้น ไม่ควรทำอย่างนี้

Michelle ตอบว่า "เป็นประสบการณ์ที่พวกเรากำลังเผชิญอยู่ เมื่อสองสามสัปดาห์ก่อน สามีของฉันเพิ่งได้ผ่านแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ และได้ทำการเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งจะส่งผลต่อการดำรงชีวิตของประชาชนโดยเป็นรากฐานที่ดี ฉันรู้สึกภูมิใจในตัวเขามาก นั่นคือความเป็นจริง ส่วนอย่างอื่นคือสิ่งที่มากับแนวความคิดคนที่ไม่เห็นด้วยกับบารัค ไม่ได้หมายความว่าไม่ชอบบารัค พวกเขาเพียงแค่มีความเห็นไม่ตรงกัน นั่นคือความเป็นประชาธิปไตย แต่เมื่อถึงจุดจุดหนึ่ง คุณจะต้องทำการตัดสินใจและเคลื่อนต่อไปข้างหน้า และความหวังของคุณคือ การที่ประชาชนจะเชื่อใจว่าการตัดสินใจของคุณขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณคิดว่าดีที่สุดสำหรับประเทศ"

"บารัคคือปุถุชนคนหนึ่งที่ย่อมมีข้อบกพร่อง และฉันสามารถนำมันมาล้อเขาได้ทุกวัน แต่ข้อบกพร่องเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไม่มากเกินไปสำหรับฉัน ส่วนในแง่ของค่านิยมและความเชื่อหลักของเขา เขาไม่เคยทำให้ฉันผิดหวัง เขาเป็นคนที่คงเส้นคงวามาก ทำให้ฉันรู้อย่างไม่มีข้อสงสัยว่า เขาจะเป็นประธานาธิบดีที่ยอดเยี่ยม เขาเป็นคนที่แน่วแน่มั่นคง ถามว่า เขาเคยทำให้ฉันโกรธไหม เคย เขาเคยทำในสิ่งที่ฉันไม่ชอบไหม แน่นอน" Michelle กล่าวถึงชีวิตคู่ระหว่างเธอกับประธานาธิบดีบารัค "แต่ในฐานะปุถุชน เขาไม่เคยทำให้ฉันผิดหวังและหวังว่าเขาจะพูดถึงฉันแบบเดียวกัน ไปถามเขาดู" Oprah ตอบทันทีว่า เธอจะถามท่านประธานาธิบดีทันทีที่มีโอกาส

จากกระบวนการทางการเมืองที่เข้าไปเกี่ยวข้อง ทำให้ความรักของทั้งสองลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น "ฉันไม่เคยละความจริงที่ว่า เขาคือประธานาธิบดี แต่สิ่งสำคัญที่สุด เขาคือสามีของฉัน เขาคือเพื่อนของฉัน และเขาคือพ่อของลูกๆ ฉัน" นั่นคือสิ่งที่ไม่มีวันเปลี่ยน แม้วันที่บารัค โอบามาวางมือลงบนคัมภีร์ลินคอล์นในวันพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี Michelle มองเห็นคุณค่าในสิ่งที่บารัคทำ เธอพร้อมให้เกียรติเขาด้วยการทำงานเคียงข้างเขา พยายามเพิ่มคุณค่าในทุกสิ่งที่เขาทำในทุกๆ ทางเท่าที่เธอจะทำได้ "ฉันเป็นฝ่ายสนับสนุนประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา"

Michelle ในวัย 45 เธอเริ่มที่จะมีความรู้สึกสบายใจในสีผิวของเธอ "ความเป็นแม่และการใช้ชีวิตคู่ช่วยอย่างมาก การเรียนรู้ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเหล่านั้นบังคับให้คุณเป็นคนที่ดีขึ้นและฉันหวังว่าเมื่อฉันเข้าช่วงวัย 50 ฉันจะยิ่งดีขึ้น ฉันไม่เคยคิดว่าตัวฉันเป็นโครงการที่สำเร็จ...แต่ที่แน่นอน ฉันรู้ว่าทั้งหมดที่ฉันสามารถทำได้คือ การเป็นตัวฉันที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นได้และใช้ชีวิตด้วยความสุขสนุกสนานบ้าง การให้คือส่วนสำคัญ ฉันคิดอยู่เสมอว่า ฉันจะแบ่งปันประสบการณ์เหล่านี้ให้แก่พลเมืองอเมริกันได้อย่างไร"

นี่คือ ตัวตนของสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกา ที่ผู้หญิงทุกสีผิว ทุกวัย ต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า "เธอก็เหมือนกับพวกเรา..."

ที่มา: O The Oprah Magazine


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.