ไกรศรีที่ไทยเซ็นทรัลเคมี การคืนกลับของ GREATEST NEGOTIATOR


นิตยสารผู้จัดการ( ธันวาคม 2531)



กลับสู่หน้าหลัก

ไกรศรีปีนี้ใกล้ชราแล้ว แต่บุคลิกภาพของเขากลับมิได้โรยราไปตามวัย 58 ปี ยามเดินตัวตรงดั่งลำทวน เปี่ยมพลานามัยที่แข็งขันอันเพาะสร้างมาจากการกีฬาใช้แรงอย่างเทนนิสและว่ายน้ำ

หลังจากผ่านพ้นเภทภัยที่กรมศุลกากร ทุกวันนี้ถูกเชื้อเชิญมารับภารกิจที่ท้าทายฝีมือคือ รื้อฟื้นความรุ่งโรจน์ของบริษัทไทยเซ็นทรัลเคมีจากสภาพหนี้สินล้นตัว ด้วยฐานะประธานบริษัท

คนเชื้อเชิญก็สนิทสนมคุ้นเคย และให้ความเชื่อมั่นศรัทธากันมานาน เพราะเขาเป็นบุคคลที่บิดาของเขาเองฝากเนื้อฝากตัวกับไกรศรี เมื่อครั้งยังเป็นเศรษฐกรแห่งกระทรวงการคลังในคราวที่มาพบปะทำธุระกับบิดา หลังจากยกมือไหว้กันแล้ว ความเชื่อมั่นศรัทธาของบิดาต่อไกรศรีก็บังเกิดขึ้นในตัวบุตรชายเช่นกัน คนเชื้อเชิญคนนั้นก็คือ ชาตรี โสภณพนิชแห่งธนาคารกรุงเทพ

คนที่ยินดีกับการเชื้อเชิญครั้งนี้ ก็เห็นว่า "พี่ไกรศรีเป็นผู้ปั้นโรงปุ๋ยมา ท่านกลับมาคุมก็ถูกแล้ว" คำเรียกฐานะที่ยกย่อง บ่งบอกความเป็นมาอย่างเชื่อมั่นและวางใจ แสดงถึงความยินดีของคนผู้นี้ - สว่าง เลาหทัย แห่งศรีกรุงวัฒนา

ความเชื่อมั่นวางใจมาจากผลงานอันโดดเด่นของไกรศรีตลอดระยะเวลาที่รับราชการ

เขาเจรจากับคณะรัฐมนตรีมาเลเซีย พลิกมติให้ยอมต่ออายุสัญญาภาคีข้อตกลงดีบุกเมื่อคราวเกิดวิกฤตดีบุกปี 2510 เป็นผู้ก่อตั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2517 ตัดสินใจถอนใบอนุญาตราชาเงินทุนในยามวิกฤตตลาดหลักทรัพย์ปี 2522 เจรจาต่อรองกับ "ฟูลออร์" ที่เรียกร้องค่าใช้จ่ายต่อรัฐในโครงการโรงงานแยกก๊าซ จนลดทอนค่าใช้จ่ายไปมากและเปลี่ยนผู้ลงทุนหาที่ดีกว่าแทน เจรจาหาผู้ลงทุนโครงการผาแดง ผลักดันให้เกิดขึ้น เข้าไปฟื้นฐานะธนาคารอาคารสงเคราะห์ที่ตกต่ำถึงขั้นวิกฤตจนมีฐานะมั่นคง และปฏิวัติระบบการทำงานแบบราชการของกรมศุลกากร

กับไทยเซ็นทรัลเคมี เดิมก็คือ โครงการปุ๋ยแม่เมาะที่ริเริ่มขึ้นในสมัยรัฐบาลถนอมปี 2506 ตอนนั้นโครงการครบวงจรตั้งแต่อัฟสตรีม แต่ไกรศรีขณะเป็นผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังและรับผิดชอบโครงการนี้ไม่เห็นด้วย เนื่องจากยังไม่มีก๊าซธรรมชาติเป็นของเราเอง และไม่คุ้มการลงทุน จึงเห็นว่าควรจะเริ่มจากดาวน์สตรีมให้มีฐานที่แข็งแรงก่อน

โครงการปุ๋ยแม่เมาะจึงเริ่มขึ้นจากการนำเข้าปุ๋ยมาผสมขายให้กับเกษตรกร

โครงการนี้ดำเนินไปด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐกับเอกชน ปี 2517 โครงการนี้ก็อยู่ในมือของกลุ่มศรีกรุงวัฒนาในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่รายเดียว

ไทยเซ็นทรัลเคมี คือชื่อใหม่ที่มีนิชโช-อิวายแห่งญี่ปุ่นถือหุ้นร่วมด้วยและอาศัยเงินกู้จากแบงก์กรุงเทพมาดำเนินการ

ในระยะหลัง กลุ่มศรีกรุงวัฒนาประสบภาวะวิกฤต โดยเฉพาะ "เจ้าพระยาพืชไร่" บริษัทยักษ์ใหญ่ในเครือที่ขาดทุนมหาศาลฉุดให้บริษัทอื่น ๆ อัปปางไปด้วย

กลุ่มศรีกรุงเป็นหนี้ไทยเซ็นทรัลเคมีอยู่ 1,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันไทยเซ็นทรัลเคมีเองก็ร่อแร่ปางตายเพราะถูกกระหน่ำอย่างต่อเนื่องจากการลดค่าเงินบาทครั้งล่าสุด ทำให้วัตถุดิบนำเข้าราคาแพง ภาวะราคาพืชผลตกต่ำ และการแทรกแซงตลาดของรัฐบาลด้วยปุ๋ยราคาถูก หนี้สินจึงล้นตัวหลายพันล้านบาท นิชโช-อิวายจึงเข้ามาบีบให้เพิ่มทุนจดทะเบียน และขอเป็นผู้ถือหุ้นทุนจดทะเบียนจำนวนนั้น

ปัญหาที่เสนอตัวขึ้นมาก็คือจะรักษาไทยเซ็นทรัลเคมีไว้กับกลุ่มศรีกรุงฯ ไว้อย่างไร?

คำตอบก็คือ สว่าง-ไกรศรีชาตรี

ชาตรีเข้าครอบครองกิจการโดยให้กู้เงินอีก 500 ล้านบาท และสว่างต้องโอนหุ้น 75% ให้ชาตรี ส่วนนิชโช-อิวายยังคงถืออยู่ประมาณ 20% ที่เหลือเป็นของกลุ่มศรีกรุง จากนี้จึงมีไกรศรีตัวละครสำคัญที่กำหนดอนาคตของไทยเซ็นทรัลเคมี

ปัญหาการฟื้นคืนกิจการที่ไกรศรีเห็นว่าสำคัญที่สุด แก้ไขตรงจุดที่สุด ก็คือ การขยายกำลังการผลิต

ที่ผ่านมา บริษัทปุ๋ยเอกชนต่างถูกสกัดกั้นการขยายกำลังการผลิต เพราะนโยบายแทรกแซงการตลาด และโครงการปุ๋ยแห่งชาติ อย่างไรก็ตาม บังเอิญที่ไทยเซ็นทรัลเคมียังหลงเหลือใบอนุญาตขยายกำลังการผลิตอยู่อีกหนึ่งใบ ช่วยต่อชีวิตไปได้

งานนี้ต้องลงทุนอีก 1 พันล้านบาทขยายกำลังการผลิตจาก 6 แสนตันเป็น 9 แสนตันต่อปี ชาตรีหนุนช่วยเงินลงทุนด้วยความมั่นใจในการมองตลาดปุ๋ยที่กำลังคึกคักตามภาวะราคาพืชผลที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2530 เป็นต้นมา การขาดแคลนปุ๋ย และการล้มลงของโครงการปุ๋ยแห่งชาติ

ภารกิจอีก 2 ประการที่จะหนุนการฉุดรั้งจากปลักโคลนแห่งการขาดทุน ก็คือ การหาวัตถุดิบราคาถูกและการหาตลาดที่แน่นอน

ภารกิจแรก ไกรศรีต้องออกเดินทางไปต่างประเทศบ่อย ๆ โดยเฉพาะญี่ปุ่น เพื่อเจรจาหาแหล่งวัตถุดิบสำหรับปุ๋ยที่ราคาถูก

ส่วนภารกิจที่สอง ไกรศรีประสบความสำเร็จเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน ในการเจรจากับเอเย่นต์จำหน่ายปุ๋ยจนสามารถเซ็นสัญญาขายปุ๋ยต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปี ได้ออเดอร์ถึง 2 ล้านกว่าตัน

ความเป็น NEGOTIATOR ของไกรศรี ยังเป็นฝีมือที่เชื่อถือได้ตลอดกาลนาน

ทุกวันนี้เขาเข้าบริษัทบ้าง ไปโรงงานบ้าง คอยคุมนโยบายของบริษัท ขณะที่พนักงานระดับปฏิบัติก็ล้วนแต่เป็นคนเก่าที่คุ้นเคยเมื่อครั้งแรกเริ่มก่อตั้งบริษัท

ไกรศรี จาติกวนิชจึงเป็น RENEWAL FACTOR ที่สำคัญเพียงพอจะเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจในอนาคตข้างหน้านี้



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.