เกรียงไกร ศิริมงคล อาชีพเขาคือ แม็ทช์เมคเกอร์


นิตยสารผู้จัดการ( ธันวาคม 2531)



กลับสู่หน้าหลัก

ภายใต้การจับตามองอย่าง (ค่อนข้าง) ห่วงใย และใกล้ชิดของบรรดานักธุรกิจ นายธนาคาร นักลงทุนทั้งจากในและนอกประเทศวันนี้ บริษัท ปิโตรเคมีแห่งชาติ (ปคช.) ยังคงมีปัญหาให้คอยติดตามแก้ไขไม่สร่างซา

ความล่าช้าของโครงการอีสเทิร์นซีบอร์ด โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสนับสนุนเรื่องสาธารณูปโภคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นถนนหนทาง ไฟฟ้า น้ำประปา (INFRASTRUCTURE) นั้น แม้จะไม่ทำให้โครงการนี้เป็นหมันลงกลางคัน แต่คงพอจะทำให้แคระแกร็นเหมือนเด็กเป็นโปลิโอเอาได้ง่าย ๆ

การลาออกไปอยู่ธนาคารกรุงเทพอย่างกะทันหันของ ดร. ศิริ จิระพงศ์พันธุ์ ผู้จัดการฝ่ายแผนและประสานงาน ยอดฝีมือที่เชี่ยวชาญทางด้านปิโตรเคมีอย่างลึกซึ้งที่มีอยู่เพียงไม่กี่คนของประเทศ ทำให้ ปคช. สะดุดหยุดกึกลงไปช่วงหนึ่ง

ปัญหาอื่น ๆ อาทิ การขาดแคลนบุคลากร และวิศวกรที่มีความสามารถนั้น เมื่อเทียบกับเวลาอีกไม่เต็มปีที่ ดร. สิปปนนท์ เกตุทัต ผู้จัดการใหญ่ ปคช. ต้องแก้ไขให้ลุล่วงไปในช่วงเวลาที่เหลือก็ดูจะหนักหนาสาหัสเอาการ

แต่อย่างน้อยก็พอจะอุ่นใจได้ว่า ข้างกายของ ดร. สิปปนนท์ ยังมี "เกรียงไกร ศิริมงคล" ผู้จัดการฝ่ายบริหารและบุคคลคนใหม่ ที่เพิ่งเข้ามาทำงานกับ ปคช. เมื่อต้นปีที่ผ่านมา แต่ก็เป็นคนที่ "รู้มือ" และ "รู้ใจ" กันมาเป็นเวลานาน คอยช่วยเหลือดูแลเรื่องราวต่าง ๆ อย่างรอบคอบและใกล้ชิดที่สุดอยู่แล้ว

เกรียงไกร จบการศึกษาชั้น ม. 6 จากอัสสัมชัญ ศรีราชา ต่อจากนั้นไปต่อไฮสคูลที่ GENERAL CERTIFICATION OF EDUCATION ที่ UNIVERSITY OF LONDON ประเทศอังกฤษ

ศึกษาระดับปริญญาตรีทางเศรษฐศาสตร์ที่ HAMBURG UNIVERSITY ฮัมบูร์ก เยอรมันตะวันตก ได้ปริญญาโททางรัฐประศาสนศาสตร์ที่ UNIVERSITY OF SANTO THOMAS มะนิลา ฟิลิปปินส์ กลับมาทำงานครั้งแรกเป็นผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายธุรการสำนักงานเลขาธิการรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มี ดร. สิปปนนท์ เกตุทัตเป็นรองผู้อำนวยการอยู่ขณะนั้น

"พ่อผมอยากให้รับราชการ มันมั่นคงดี พ่อบอกผมว่ากิจการป่าไม้ที่ทำอยู่ที่บ้าน นานไปจะไม่ก้าวหน้า" เกรียงไกรบอกเหตุที่ไม่กลับไปดูแลกิจการดั้งเดิมที่ครอบครัวของเขาทำอยู่ที่ลำปางและไม่ไปทำงานกับเอกชน

ทำงานอยู่ในสำนักฯ ได้ไม่นานก็ลาออกไปศึกษาต่อด้านการทูตที่ชิคาโกเป็นเวลาห้าปี จนได้รับปริญญาโทมาอีกสองใบคือ รัฐศาสตร์ (ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ) ที่ NORTHEASTERN ILLINOIS UNIVERSITY, CHICAGO และรัฐศาสตร์ (วิเคราะห์นโยบายสาธารณะ) จาก GOVERNORS STATE UNIVERSITY, PARK FOREST SOUTH สหรัฐอเมริกา

เป็นเลขานุการประจำกงสุลใหญ่ สถานกงสุลใหญ่ของไทยในนครชิคาโก กลับมาเมืองไทยเป็นผู้จัดการฝ่ายบริหารงานกลาง บริษัทผาแดงอินดัสตรีส์ จำกัด ตั้งแต่ปี 2526-2528 ก่อนผันตัวเองไปทำงานด้านวิชาการ เน้นหนักไปที่การติดต่อให้ข้อมูลข่าวสาร จัดประชุมในหลายประเทศ ไม่ว่าเกาหลี ฮ่องกง เนเธอร์แลนด์ จัดเทรดมิสชั่นให้พ่อค้า นักธุรกิจที่ต้องการส่งออก และนำเข้าสินค้ามาพบปะกัน โดยดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการบริหาร สภาหอการค้าฯ สมัยที่มียุกต์ ณ ถลาง นักบัญชีและนักธุรกิจชื่อดังเป็นประธานฯ อยู่ตั้งแต่ปี 2528 ทำอยู่สามปีก่อนออกมารับงานที่ ปคช.

เท่าที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางสายที่ปรึกษา หรือนักธุรกิจเขี้ยวลากดินที่เราท่านได้ยินข่าวสารความเคลื่อนไหวมากมายในวงการธุรกิจแบบวันต่อวันนี้ น้อยคนนักที่จะเคยได้ยินชื่อ "เกรียงไกร ศิริมงคล"

แต่ "ความสำคัญ" หรือ "คุณค่า" ของเกรียงไกรอยู่ที่เขาเป็น "แม็ทช์เมคเกอร์" ที่ยอดเยี่ยมหาตัวจับยากเพราะมีไม่กี่คนที่จะทำหน้าที่เหมือนเขา ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ผาแดงฯ สภาหอการค้าฯ จนกระทั่งมาอยู่ ปคช. งานหลักของเกรียงไกรคือ ติดต่อกับต่างประเทศทั้งภาครัฐ และเอกชน

เกรียงไกรเคยทำงานกับสถานกงสุลไทยในชิคาโก รู้จักคุ้นเคยกับผู้หลักผู้ใหญ่มากมายในกระทรวงการต่างประเทศ พอย้ายมาผาแดงฯ ก็ทำหน้าที่เดียวกันเพราะธุรกิจที่ทำอยู่ต้องติดต่อต่างประเทศบ่อยครั้งมาก

พอมาที่ปิโตรเคมีแห่งชาติ ช่วงเวลาที่ผ่านมา งานติดต่อกับต่างประเทศที่เขาช่ำชองชำนาญนั้น อาจจะเห็นได้ไม่ชัดนัก เพราะเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่ถึงปีดี แต่สายสัมพันธ์ที่มีในวงราชการนั้นมีส่วนทำให้การติดต่อหลาย ๆ เรื่องสะดวกรวดเร็วขึ้น

"อย่างเรื่องนำเข้าเอททิลีนโปรโพลีน ต้องติดต่อสามกรมกระทรวงเดียวคือ กรมการค้าระหว่างประเทศเรื่องการนำเข้า ติดต่อกรมสรรพสามิตเรื่องภาษี ติดต่อกรมการค้าภายใน ในกระทรวงพาณิชย์ฯ เพื่อขออนุญาตเพียงใบเดียว" เกรียงไกรเล่าให้ฟัง ซึ่งการติดต่อข้าราชการในหลายระดับมาก่อนทำให้สิ่งที่ใคร ๆ คิดว่ายากนั้นง่ายเข้า

"ผมเคยเป็นข้าราชการมาก่อนเลยจึงค่อนข้างได้เปรียบที่จุดนี้ งานแบบนี้ต้องใช้ไหวพริบและความอดทนเป็นพิเศษ ราชการมีวัฒนธรรมอย่างหนึ่ง เอกชนก็มีวัฒนธรรมอีกอย่างหนึ่ง" เกรียงไกรบอก "ผู้จัดการ"

ทว่า…วันหน้า อาจไม่มีชื่อเกรียงไกร ศิริมงคล อยู่ในทำเนียบนักบริหารที่ประสบความสำเร็จมากมายจนเป็นที่กล่าวขานกันทั่วไปก็เป็นได้ เพราะเกรียงไกรได้ "วางแผน" สำหรับช่วงเวลาที่เหลือในชีวิตของเขาไว้แล้ว

"ผมคิดว่าเมื่ออายุห้าสิบ ผมอยากจะสอนหนังสือ มันดีกว่าที่จะเปิดหนังสือแล้วมาสอนเด็ก ๆ สู้เอาประสบการณ์จากการทำงานที่เราพบเห็นมาไปสอนเขาไม่ได้" เกรียงไกรกล่าวถึงจุดมุ่งหมายในอนาคตที่ค่อนข้างจะอยู่ไกลพอสมควร เพราะปีนี้เขาเพิ่งมีอายุ 43 ปีเท่านั้น

เส้นทางของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่มากมายที่เกษียณอายุราชการแล้วถูกดึงตัวให้ไปเป็นที่ปรึกษาของบริษัทธุรกิจเอกชน ไม่ว่าจะเป็นอดีตอธิบดีกรมตำรวจอย่าง พล.ต.อ. ณรงค์ มหานนท์ วิทย์ ตันติยกุล อดีตอธิบดีกรมสรรพากรก็พอจะบอกให้รู้เป็นนัย ๆ ว่าการติดต่อกับราชการนั้นเป็นด่านสำคัญที่ธุรกิจ "เอกชน" จะต้องฟันฝ่าไปให้ได้ ซึ่งบุคคลที่มีความสามารถจะติดต่อกับทั้งราชการและเอกชนได้นั้น เป็นที่บริษัทข้ามชาติต่าง ๆ ปรารถนาจะได้จนเนื้อตัวสั่น แต่ก็ไม่ใช่ง่าย ๆ ที่จะได้คนเช่นนี้มาสักคนหนึ่ง

"โครงการนี้เป็นโครงการใหญ่ คนส่วนใหญ่ก็สนใจที่จะเข้ามาร่วมงานด้วย และผมอยากทำงานกับ ดร. สิปปนนท์มานานแล้ว ท่านเป็นคนมีเมตตาธรรม มีคุณธรรม มีเหตุผล รับฟังความคิดเห็นจากผู้ใต้บังคับบัญชาเสมอ" เกรียงไกรบอกกับ "ผู้จัดการ" ถึงความคิดที่ทำให้เขามาทำงานกับ ปคช.

"ไม่แน่ว่าผมจะอยู่ที่นี่จนเกษียณเลยก็ได้" เกรียงไกรกล่าวแบ่งรับแบ่งสู้กับอนาคตของเขา

ยังมีเวลาอีกมากกับโครงการปิโตรเคมีระยะที่หนึ่ง ที่จะเป็นรูปเป็นร่างในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าที่เกรียงไกรก็จะเป็นคนหนึ่งที่ประคับประคอง ดูแลให้โครงการนี้สำเร็จตามความมุ่งหมาย

ส่วนอนาคตที่แท้จริงของเขาจะเป็นอย่างไร ก็คงจะต้องรอดูกันต่อไป



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.