KTCออกมินิการ์ด-ลุยสินเชื่อบุคคล


ผู้จัดการรายวัน(8 กันยายน 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

บัตรกรุงไทยแจงเลื่อน เปิดสาขาต่างจังหวัด เหตุปริมาณลูกค้าน้อย พร้อมร่วมมือกับ 3 แบงก์ร่วมทำเครื่องรูดบัตร เผยปลายปีนี้เปิดตัวมินิการ์ด หวังกวาดยอดเพิ่มอีกแสนใบ เปลี่ยนพฤติกรรมลูกค้าใช้บัตรแทนเงิน สดมากขึ้น ไม่ห่วงคู่แข่งตามทัน คุยได้ เปรียบทุกด้าน เตรียมร่วมแจมเค้ก สินเชื่อบุคคล 9 ต.ค.ย้ำพร้อมทุกด้าน แถมลูกเล่นดอกเบี้ย 3 อัตรา ตามความ เสี่ยงลูกค้า ตั้งเป้าช่วงแรกเดือนละหมื่นราย

นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTC) เปิดเผยว่าแผน ขยายสาขาบูติก (Boutique Branch) ในต่างจังหวัดคงไม่สามารถดำเนินการ ทันตามเวลาที่กำหนด เนื่องจากปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะรูปแบบดำเนินชีวิตคนต่างจังหวัดนิยม ทำธุรกรรมการเงินที่ธนาคารมากกว่า ปริมาณผู้ถือ-ใช้บัตรน้อยกว่าในกรุงเทพฯและกระจุกตัวตามตัวเมือง การขยายสาขาต่างจังหวัดจึงต้องชะลอไว้ก่อน

ปริมาณใช้บัตรที่น้อยทำให้บริษัทต้องหาวิธี กระตุ้นเกิดการใช้บัตรมากขึ้น โดยร่วมมือกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา ไทยพาณิชย์ และกสิกรไทย ศึกษาการทำระบบที่จะใช้เครื่องรูดบัตรเครื่องเดียวกันรูปแบบ Pool คล้ายบัตร ATM เพื่อลดต้นทุนและขยายร้านค้าที่รับบัตรมากขึ้น ซึ่งธนาคารอื่นก็สนใจจะร่วมใช้ระบบนี้ด้วย

อนาคตเครื่องรูดบัตร 70-80% ที่มีอยู่ในตลาดปัจจุบันต้องเปลี่ยน เพราะ Visa และ Master Card ผู้ออกบัตรจากแดนมะกันจะเริ่ม เปลี่ยนบัตรให้มีชิปอยู่ภายในบัตร เนื่องจากทั่วโลกเปลี่ยนใช้มากแล้ว และระบบชิปก็เก็บข้อมูล ได้ปริมาณมากกว่าแบบแถบแม่เหล็ก จึงต้องกระตุ้นให้ใช้จ่ายผ่านบัตรแทนเงินสดมากขึ้น รวมทั้งต้องพยายามเปลี่ยนพฤติกรรมให้เป็น การใช้บัตรประจำวัน (Everyday on Card) ให้ ได้มากที่สุด

นายนิวัตต์กล่าวว่ายอดใช้จ่ายผ่านบัตร KTC ช่วง 1 ปีที่ผ่านมา จำนวนลดลง จาก 5,000 บาทต่อบัตร มิ.ย. 2545 เหลือ 4,200 บาท มิ.ย. ปีนี้ แต่จำนวนบัตรเครดิต KTC เพิ่มขึ้นช่วงเดียว กันจาก 1.9 แสนบัตรเป็น 7.2 แสนบัตร ทำให้ปริมาณใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้นด้วย

คาดหนี้เน่าบัตรเพิ่มปลายปี

ปริมาณใช้จ่ายปัจจุบัน 70-80% จากจำนวนบัตรทั้งหมด กำไรสุทธิไตรมาส 1 ปีนี้ 52 ล้านบาท ไตรมาส 2 ที่ 149 ล้านบาท คาดว่าไตรมาส 3-4 กำไรสุทธิไม่พุ่งสูงเหมือนไตรมาส 2 เนื่องจากปริมาณบัตรเริ่มทรงตัว เอ็นพีแอลตั้งเป้าไม่เกิน 2.5% ปัจจุบัน 2% แต่คาดว่าปลายปีน่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

ช่วงไตรมาส 3-4 ปีนี้ ตั้งเป้าขยายยอดบัตร เพิ่มอีก 1 แสนใบ ส่งผลสิ้นปีนี้ KTC จะมียอดบัตรรวม 8.2 แสนใบ ยอดที่เพิ่มขึ้นจะมาจากการออกบัตรมินิ เป็นบัตรแบ่งกลุ่มลูกค้าตาม Life Style ซึ่งจะออกคู่กับบัตรขนาดปกติปลายปีนี้ จะออกบัตรใหม่ 4-5 บัตร อาจเป็นบัตรสำหรับชอปปิ้งที่ให้สิทธิประโยชน์ผู้ถือบัตรเป็นส่วนลดร้านค้าต่างๆ Auto card จะแบ่งตามพันธมิตรค่ายรถต่างๆ ขณะนี้ 3-4 ค่ายตอบรับแล้ว และกำลังเจรจาเพิ่มเติม

Family card สำหรับครอบครัวแยกประเภททั้งก่อนแต่งงาน หลังแต่งงาน กวดวิชา โรงเรียนดนตรี Pet card สำหรับคนรักสัตว์ Health card บัตรเพื่อสุขภาพ ครอบคลุมถึงโรงพยาบาลที่เป็นพันธมิตร ประกันชีวิต สถานที่ ออกกำลังกาย เป็นต้น ปีหน้าคาดว่าจะออกบัตร ใหม่ประมาณ 4-5 บัตร การแบ่งกลุ่มลูกค้าเช่นนี้ จะช่วยกระตุ้นผู้ถือบัตรที่ไม่มีการเคลื่อนไหว ใช้จ่ายเพิ่มขึ้นบ้างตาม Life Style บัตรนั้นๆ

แบงก์ต่างชาติคู่แข่งตัวจริง

นายนิวัตต์กล่าวถึงการแข่งขันตลาดบัตรเครดิตว่า ช่วงนี้การแข่งขันไม่ค่อยรุนแรงเหมือน ช่วงปีที่แล้วคู่แข่งจริงๆ ของ KTC คือธนาคารต่างชาติ ธนาคารไทยไม่ถนัดเรื่องนี้ การที่ธนาคาร กรุงไทยตั้ง KTC ทำให้คล่องตัวดำเนินการมาก ขึ้น เพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดมากขึ้น ส่วน สถาบันที่ไม่ใช่ธนาคาร (non-bank) ที่แข่งขันบัตรเครดิต จริงๆ มีเพียง 2-3 เจ้า ซึ่งเป็นบริษัท ที่มีบริษัทแม่ในต่างประเทศ

"สภาพตอนนี้ KTC กำลังได้เปรียบคู่แข่ง เนื่องจากมีช่องทางขยายฐานลูกค้าผ่านทางสาขาของธนาคารกรุงไทย และฟรีค่าธรรมเนียมรายปี โดยไม่มีเงื่อนไข จึงทำให้ลูกค้าเข้าสู่ระบบมาก ต่างจากธนาคารต่างชาติ ที่หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดเงื่อนไขดอกเบี้ยไม่เกิน 18% (ต่อปี) ก็ทำให้รายได้หายไปมาก เพราะรายได้หลักของกลุ่มนี้มาจากดอกเบี้ยที่สูงถึง 80%" นาย นิวัตต์กล่าว

ค่าใช้จ่ายดำเนินการของ KTC ปีนี้รวม 1.9 พันล้านบาท ใช้เป็นงบการตลาด 400 ล้านบาท ซึ่งน่าจะส่งผลค่าเฉลี่ยใช้จ่ายต่อบัตรสูงขึ้น อัตราเติบโตบัตร Visa ในไทย ยอดสุทธิเมื่อลบ จำนวนบัตร KTC เหลือเพียง 50% แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำธุรกิจนี้

เตรียมแย่งเค้กสินเชื่อบุคคล ต.ค.

นายนิวัตต์เปิดเผยถึงการดำเนินธุรกิจสินเชื่อบุคคล ว่า KTC จะเปิดสินเชื่อบุคคลวันที่ 9 ต.ค.นี้ แต่จะไม่เจาะตลาดกลุ่มเดียวกับ ที่ธนาคารกรุงไทย ทำอยู่คือกลุ่มข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ แต่จะเน้นกลุ่มบุคคลทั่วไป เพื่อสร้าง ฐานลูกค้าที่แข็งแรงสามารถคาดหวังกำไรได้ โดยเริ่มทำตลาดในกรุงเทพฯ และปริมณฑลก่อน

รายได้ขั้นต่ำผู้ กู้ 7,500 บาทต่อเดือน การอนุมัติขึ้นกับคะแนนเครดิต (Cre-dit Scoring) คัดเลือกลูกค้าเข้าสู่ระบบของบริษัท อัตราดอกเบี้ยขึ้น กับความเสี่ยงลูกค้า 3 ระดับคือ แพง ปาน กลาง และถูก ซึ่งแต่ละอัตราจะช่วยลดความเสี่ยงลูกค้าแต่ละราย จะไม่เน้นอัตราดอกเบี้ยที่สูงแล้วอนุมัติวงเงินง่ายๆ ไม่เน้นความ เร็วการอนุมัติวงเงิน เหมือนเจ้าตลาดที่เป็นนอนแบงก์ที่ทำอยู่ขณะนี้ หากเอกสารครบถ้วน ไม่เกิน 3 วันก็ได้รับเงิน

ไม่ใช่เงินฟรี-ง่าย

"เราไม่ต้องการให้คนที่มากู้เงินกับเรา เห็น ว่าเป็นเงินที่ได้มาฟรีๆ อยากให้มองว่าเป็นเงินที่ได้มาเมื่อยามที่มีปัญหามากกว่ามีเหตุผลในการคัดเลือกลูกค้า ไม่ใช่การโหมทำตลาด เพื่อให้ได้ลูกค้ามามากๆ ลูกค้าสินเชื่อไม่เหมือนลูกค้าบัตรเครดิตหาง่ายกว่า แต่จะคัดเลือกด้วยขั้นตอนที่มากกว่าเพื่อให้ได้ลูกค้าที่มีคุณภาพจริงๆ"

การขยายฐานสินเชื่อบุคคลจะอาศัยช่องทางผ่านสาขาธนาคารกรุงไทยทั่วประเทศ การขายตรงผ่านตัวแทนสาขา KTC เอง และการโฆษณา ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อเดือนละ 10,000 ราย ช่วงแรกการเปิดตัว



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.