|
“โตโย-ไทยฯ”ขายIPO130ล.หุ้นมิ.ย.นี้ระดมทุนรับงานใหญ่ขยายตลาดสู่ตปท.
ผู้จัดการรายวัน(23 เมษายน 2552)
กลับสู่หน้าหลัก
“โตโย-ไทยฯ” เตรียมขายไอพีโอ 130 ล้านหุ้น มิ.ย.นี้ หวังระดมทุนเพิ่มศักยภาพรองรับงานโครงการขนาดใหญ่ พร้อมปูพื้นฐานธุรกิจเข้มและเตรียมบุกตลาดต่างประเทศในปีหน้า โดยเพิ่มสัดส่วนรับงานนอกเป็น 40% ผู้บริหารมั่นใจปีนี้มีรายได้กว่า 1. 1หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน จากอานิสงส์งานในมือ ล่าสุดเล็งประมูลงานใหม่ 13โครงการ มูลค่าเกือบ 4 หมื่นล้านบาท
นายสุวิทย์ มโนมัยยานนท์ ผู้อำนวยการและผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและสัญญา บริษัท โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือTTCL เปิดเผยถึงแผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอเวลาที่เหมาะสม โดยคาดว่าจะสามารถเปิดขายหุ้นสามัญ (IPO) จำนวน 130 ล้านหุ้นให้แก่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยได้ช่วงไตรมาสที่ 2 ประมาณเดือนมิถุนายนปีนี้ ซึ่งจะนำเงินลงทุนที่ได้ไปเพิ่มศักยภาพในการเข้ารับงานโครงการขนาดใหญ่ในต่างประเทศที่มีมูลค่าประมาณ 10,000-17,600 ล้านบาท หรือ 300-500 ล้านเหรียญสหรัฐ ต่อโครงการ รวมถึงการขยายงานสู่ตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะตลาดตะวันออกกลางและอาเซียน
ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ในปี 2552 ให้ได้ใกล้เคียงกับปี 2551 ที่ 11,049 ล้านบาท จากงานในมือ(Back log) ที่มีมูลค่ากว่า 11,230 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการในประเทศ และสามารถทยอยรับรู้ได้ตั้งแต่ในปีนี้จนถึงกลางปี 2553 รวมถึงแผนงานในการขยายกิจการอย่างต่อเนื่องทั้งตลาดต่างประเทศและตลาดในประเทศที่บริษัทมีการวางแผนการประมูลงานไว้
สำหรับแผนการดำเนินงานในระยะกลางที่บริษัทมีอยู่ขณะนี้ จะมีโครงการที่รอเข้าประกวดราคาในปี 2552-2553 จำนวน 13 โครงการ โดยมีมูลค่ารวมที่ 39,200 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นโครงการที่บริษัทเตรียมจะทำการประมูลในระยะเวลาอันสั้นนี้จำนวน 6 โครงการ มีมูลค่า 7,200 ล้านบาท โดยเบื้องต้นนั้นได้งานมาแล้วจำนวน 2โครงการ และอีก 7 โครงการที่เป็นโครงการเตรียมประมูลในแผนระยะยาวมีมูลค่า 32,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรอตัดสินใจเรียกประมูลของลูกค้า
นอกจากนี้บริษัทได้มีการปรับสัดส่วนการรับงานต่างประเทศเพิ่มขึ้นจากปี 2552 ที่มีสัดส่วนงานต่างประเทศอยู่ที่ 10% ของสัดส่วนรายได้งานทั้งหมด ซึ่งได้มีการปรับเพิ่มเป็น 30-40% ของสัดส่วนรายได้งานทั้งหมด โดยจะเห็นภาพที่ชัดเจในปีหน้า เนื่องจากจะมีการขยายงานไปยังตลาดต่างประเทศมากขึ้น ทั้งในประเทศเวียดนาม จีน และสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นฐานลูกค้าเดิมที่บริษัทได้ดำเนินการอยู่ก่อนแล้ว
ส่วนการขยายตลาดไปยังประเทศใหม่ ได้แก่ ประเทศโมร็อคโค เนื่องจากเล็งเห็นว่ายังเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางธุรกิจที่สูงและให้ผลตอบแทนที่ดี โดยเป็นโครงการก่อสร้างโรงงานปุ๋ยเคมี ที่มีมูลค่างานถึง 400 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งขณะนี้บริษัทได้มีการยื่นซองประมูลโครงการดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการรอพิจารณา โดยคาดว่าจะทราบผลสรุปโครงการดังกล่าวประมาณปลายปี52 จนถึงต้นปี 53
“เรามองว่าการได้งานที่โมร็อกโค เราจะได้เปรียบในเรื่องของการได้รับการสนับสนุนเรื่องเงินกู้จากรัฐบาล ที่คาดว่าจะเป็นจุดได้เปรียบคู่แข่งทั้ง สหรัฐฯ และฟิลิปปินส์ ที่เป็นคู่แข่งในการเข้าร่วมประมูลงานครั้งนี้ รวมถึงงานประมูลอันอื่นด้วยที่เราก็มีแผนถึง 13 โครงการ เราก็มั่นใจว่าศักยภาพของบริษัทน่าจะทำให้ได้รับงานดังกล่าว” นายสุวิทย์ กล่าว
อย่างไรก็ตามประเมินสถานการณ์การเมืองและภาคการลงทุนขณะนี้ว่ายังสามารถเติบโตต่อไปได้ เมื่อมองจากธุรกิจของบริษัทเอง เนื่องจากการมีกลยุทธ์รับมือในการบริหารธุรกิจด้านการรับเหมาออกแบบ จัดหา และก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่แบบครบวงจรหรือ EPC (Engineering, Procurement and Construction) ที่ถือเป็นจุดแข็งของบริษัทในการเอาชนะคู่แข่ง
นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ถึงแม้ปัจจุบันสภาวะเศรษฐกิจกำลังอยู่ในช่วงชะลอตัวรวมถึงสภาวะของตลาดหุ้นจะไม่สดใสมากนัก แต่ยังคงเชื่อว่าหุ้นของ โตโย-ไทยฯ น่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนได้เป็นอย่างดี เนื่องจากรูปแบบของธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และฐานะทางการเงินค่อนข้างแข็งแกร่ง เนื่องจากตัวบริษัทเองมีสภาพคล่องทางการเงินที่สูง รวมถึงไม่มีภาระเงินกู้ โดยมีมูลค่าทางบัญชี (Book Value) อยู่ที่ 1.90 บาท ณ. สิ้นปี 2551
“เรามองว่าช่วงไตรมาส 2 น่าเป็นเวลาที่เหมาะสมแก่การเข้าจดทะเบียนของบริษัทโตโยฯ เพราะสถานการณ์ต่างๆเริ่มคลี่คลาย ถึงแม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะยังไม่สดใสมากนัก แต่เราก็มองภาวะตลาดควบคู่ไปด้วยไม่ได้ปล่อยละเลย ซึ่งก็เห็นว่ายังคงมีวอลุ่มที่ดีอยู่ ผมมองว่าไม่มีอะไรเลวร้ายเกินไปกว่านี้แล้ว รวมถึงบริษัทเองก็มีศักยภาพดี การเข้าตลาดหุ้น จะช่วยให้บริษัทมีศักยภาพเพิ่มขึ้น ฉะนั้นแม้ภาวะที่เศรษฐกิจไม่ดี แต่น่าจะไม่เป็นปัญหาที่จะต้องรีรอหรือเลื่อนออกไป”นายประเสริฐ กล่าว
ขณะเดียวกัน ในส่วนของธุรกิจบล.ทิสโก้ ปัจจุบันมีดีลที่รอเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นอีก 3 ราย ซึ่งรวมบริษัทโตโย-ไทย โดยอีก 2 ราย เป็นธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ และธุรกิจเหล็ก ซึ่งได้ทำการยื่นแบบบแสดงข้อมูล (Filing) กับสำนักงานคณะกรรมมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลัทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีมูลค่ารวมกันประมาณ 1-1.5 พันล้านบาท อย่างไรก็ตามต้องใช้รอดูระยะเวลาที่เหมาะก่อนจึงจะนำเข้าตลาด และสำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจของบล.ทิสโก้ ในปีนี้ จากการที่งานด้านวาณิชธนกิจ(IB) มีจำนวนที่ลดลง บริษัทจึงหันไปมุ่งเน้นงานทางด้านการออกหุ้นกู้ (Bound) แทน
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|