|
“พีดีครีเอชั่น”รุกทีวีดาวเทียม โหมงานอีเวนต์-โชว์บิสขายตั๋ว
ผู้จัดการรายวัน(20 เมษายน 2552)
กลับสู่หน้าหลัก
“พีดีครีเอชั่น” เปิดเกมรุก ทุ่ม 150 ล้านบาท กระโจนเข้าสู่สมรภูมิ ทีวีดาวเทียม เล็งเปิดตัวปลายปีนี้ 2 ช่อง เป็นช่องเฉพาะกลุ่มและช่องธุรกิจ ด้วยรูปแบบการเข้าเป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการอยู่แล้ว เผยผลิตคอนเท้นต์เองด้วยการต่อยอดจากธุรกิจเดิม 50% อีก 50% มาจากภายนอก ส่วนธุรกิจเดิมโหมหนักงานโปรเจ็คต์และคอนเสิร์ตขายตั๋ว เป้าหมายปีนี้เติบโต 30% สู่ 400 ล้านบาท
นายวันธนบดี จิตตานุเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พี ดี ครีเอชั่น จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจออร์กาไนเซอร์ เปิดเผยกับ “ASTVผู้จัดการรายวัน” ว่า ในปีนี้บริษัทฯเตรียมขยายธุรกิจทางด้านมีเดีย ด้วยการใช้งบลงทุนมากกว่า 150 ล้านบาทซึ่งเป็นงบที่จะทยอยใช้ต่อเนื่องในช่วงแรก เพื่อรุกเข้าสู่ธุรกิจทีวีดาวเทียม ซึ่งจะร่วมมือกับพันธมิตรที่ทำธุรกิจนี้อยู่แล้ว โดยบริษัทฯคาดว่าจะเข้าไปบริหารช่วงแรกประมาณ 1-2 ช่อง เป็นทีวีดาวเทียมเฉพาะกลุ่ม
“แผนทำทีวีดาวเทียมนี้ เราตั้งใจทำในปีหน้า แต่ด้วยเงื่อนไขและปัญหาหลายอย่าง ทำให้เราตัดสินใจเลื่อนขึ้นมาเร็วขึ้นทำในปีนี้แทน ซึ่งเราเองก็มีความพร้อมอยู่แล้ว แต่เราจะไปทำร่วมกับบริษัทที่เขาทำอยู่แล้ว ซึ่งเดิมเขามีแผนทำ 10 ช่อง แต่ตอนนี้ทำไป 5 ช่อง เราจึงเข้าไปเป็นพันธมิตรกับเขา โดยจะทำเป็นช่องเฉพาะกลุ่ม 1 ช่อง และช่องธุรกิจการค้าอีก 1 ช่อง แต่จะไม่ใช่เป็นรายการข่าวและรายการขายสินค้าแน่นอน”
ทั้งนี้บริษัทฯจะแบ่งการผลิตรายการออกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนแรกบริษัทฯผลิตคอนเท้นต์เอง 50% และอีก 50% เป็นการผลิตโดยบริษัทอื่น ซึ่งบริษัทฯมีความพร้อมอยู่แล้วจากฐานธุรกิจเดิมที่ทำอยู่ที่สามารถนำมาเป็นคอนเท้นต์ต่อยอดกับทีวีดาวเทียมได้เป็นอย่างดี
สำหรับฐานธุรกิจเดิมของพีดีครีเอชั่นนั้น แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลักคือ 1.ออร์กาไนเซอร์รับจัดงานทั่วไป การจัดอีเวนต์ต่างๆ 2.งานโครงการ งานคอนเสิร์ต หรือโชว์บิซ ที่เป็นครีเอทโปรเจ็คต์ 3.งานประชาสัมพันธ์ และ 4. งานอารักขาบุคคลวีไอพี เช่น กองถ่ายหนังจากต่างประเทศ นักดนตรีดังๆ หรือเชื้อพระวงศ์ โดยสัดส่วนรายได้หลักนั้นมจาก งานกลุ่มที่ 2 ที่เป็นงานโครงการต่างๆที่บริษัทฯมักจะสร้างสรรค์ขึ้นมาเอง ประมาณ 40% งานอีเวนต์ ประมาณ 50% ที่เหลืออีก 10%
นายวันธนบดี กล่าวต่อว่า นอกจากแผนงานรุกสู่ธุรกิจทีวีดาวเทียมแล้ว ในปีนี้ยังมีแผนที่จะรุกในส่วนธุรกิจเดิมต่อเนื่องด้วย โดยจะเน้นไปในส่วนของงานภาคเอกชนเป็นหลัก ซึ่งอาจจะสวนทางกับผู้ประกอบการรายอื่นที่มองลู่ทางเข้ารับงานภาครัฐเพราะเห็นว่ามีงบประมาณแน่นอนภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี จะทำให้การแข่งขันรุนแรงขึ้นแต่การที่บริษัทฯมุ่งงานภาคเอกชนเป็นหลักนั้น เพราะมั่นใจว่า เอกชนยังมีงบประมาณอยู่เพียงแต่ว่าต้องหาโครงการที่มั่นใจว่าจะขายได้เท่านั้น
โดยเฉพาะงานในกลุ่มของโปรเจ็คต์ หรือโชว์บิซ ซึ่งปีนี้จะเน้นการทำตลาดแบบนำเข้าคอนเสิร์ตและการแสดงโชว์จากต่างประเทศและขายบัตรอย่างเต็มตัว หลัง
จากที่ปีที่แล้ว ที่เน้นการทำฟรีคอนเสิร์ตมากกว่า ซึ่งปีนี้คาดว่าจะมีประมาณ 18 กิจกรรม ทั้งอีเวนต์ คอนเสิร์ต โชว์ต่างๆ
“การจัดอีเวนต์ของบริษัทมักจะคิดรูปแบบงานขึ้นมาเองแล้วไปนำเสนอให้กับสปอนเซอร์หรือลุกค้าที่สนใจ เช่น ที่ผ่านมาต้นปีนี้ก็มีการจัดงาน “รวมพลคนโสด” ที่เสนอให้กับทางดีแทคและในที่สุดก็สนใจและเป็นพันธมิตรงานนี้ หรืองานสงกรานต์ที่สยามพารากอนที่บริษทแสนอรูปแบบเข้าไป ส่วนกลุ่มงานอารักขานั้น ปีนี้อาจจะซาๆลงไปบ้าง ตั้งแต่ต้นปียังไม่มีงานรับอารักขาบุคคลสำคัญเลย มีแต่การอารักขาเครื่องเพชรเท่านั้น
นายวันธนบดี กล่าวว่า จากแผนการขยายธุรกิจใหม่รวมทั้งการทำธุรกิจต่อเนื่อง ตั้งเป้าหมายรายได้ในปีนี้จะเติบโตประมาณ 30% หรือมีรายได้รวมกว่า 400 ล้านบาท จากปีที่แล้วที่มีรายได้รวมประมาณ 300 ล้านบาท
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|