ท่องโลกไซเบอร์สเปซด้วยปลายนิ้วโป้ง


นิตยสารผู้จัดการ( มกราคม 2544)



กลับสู่หน้าหลัก

เมื่อพูดถึงการใช้คีย์บอร์ด เพื่อท่องโลกไซเบอร์สเปซแล้ว ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ถนัดใช้นิ้วโป้งมากที่สุด และเหตุผลที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะโทรศัพท์

มือถือของญี่ปุ่น ที่มีขนาดเล็กกว่าใครนั่นเอง ที่ผ่านมา คนรุ่นหนุ่มสาวของญี่ปุ่น ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตมักถูกเรียกกันว่าเป็นคนรุ่น "Bamboo Tribes" หรือไม่ก็ "Speed Tribes" แต่ตอนนี้มีคำเรียกขานพวกเขาใหม่แล้วว่า "Thumb Tribes" และจะพบเห็นพวกเขาได้ทั่วไปตามรถไฟใต้ดิน ห้องบรรยายสัมมนา หรือร้านอาหาร "มนุษย์นิ้วโป้ง" ที่ว่านี้ต่างขะมักเขม้นกับการใช้นิ้วโป้งกดคีย์บอร์ดขนาดจิ๋วของโทรศัพท์มือถือ เพื่อส่งข้อความหรือเล่นอินเทอร์เน็ตค่าเวลา

ตัวอย่างเช่น อาซามิ ยูซาวา นักเรียนมัธยมต้นวัย 15 ในโตเกียว กล่าวยอมรับว่า เธอใช้นิ้วโป้งกดโทรศัพท์มือถือได้เร็วกว่า ที่จะใช้

สิบนิ้วรวมกันกดคีย์บอร์ดเสียอีก

ยูซาวาส่งข้อความถึง เพื่อนๆ วันละร่วม 50 ข้อความ เรื่องส่วนใหญ่ก็คือ ชีวิตประจำวัน กินอะไรดี

นัดเจอกัน ที่ไหน เมื่อเร็วๆ นี้ ยูซาวายังได้รู้จักบริการอินเทอร์เน็ต ที่ชื่อ

"J-Sky" ซึ่งช่วยให้เธอส่งข้อความถึงผู้ที่มีอีเมลได้ทุกคน เธอจึงมี เพื่อนในโลกไซเบอร์กว่าร้อยคน บางคนไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันด้วยซ้ำ เพื่อนประเภทนี้เป็นปรากฏ

การณ์ ที่เรียกในภาษาญี่ปุ่นว่า "meru tomo" ซึ่งหมายถึง " เพื่อนทางอีเมลโทรศัพท์มือถือเท่านั้น " นอกจากนั้น ยูซาวายังท่องเว็บไซต์ติดตามข่าวคราวล่าสุดของนักร้อง ที่เธอ

ชื่นชอบ และหาข้อมูลเส้นทางรถไฟเดินทาง ยังไม่รวมถึงการดาวน์โหลดเสียงโทรศัพท์แบบใหม่ๆ ใช้ในโทรศัพท์ของเธอด้วย การท่องโลกไซเบอร์สเปซด้วยนิ้วโป้งเช่นนี้ ทำให้ยูซาวาบ่นด้วยว่าบางวันเธอถึงกับมีอาการเจ็บ

นิ้วโป้งขวา

เพื่อนทางอีเมลคนหนึ่งของยูซาวาอาจจะเป็น

โคจ ฮากูตะ คนขับรถบรรทุกวัย 28 ปีก็ได้ เขาเป็น

ผู้หนึ่ง ที่ใช้ชีวิตหลังพวงมาลัยกับการท่องโลกไซเบอร์สเปซ อาชีพของฮากูตะดูไม่เหมือนคนที่ต้องเกี่ยวข้องกับการใช้เครือข่ายไร้สายแต่อย่างใด แต่เขากลับเป็นหนึ่งในจำนวนคนที่มีแนวโน้มจะสนใจโลกไซเบอร์สเปซมากขึ้น ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะคนขับรถบรรทุกญี่ปุ่นนั้น จะต้องมีโทรศัพท์มือถือ เพื่อใช้ติดต่อกับสำนักงานใหญ่

แทน ที่จะต้องคอยจอดรถแวะใช้โทรศัพท์สาธารณะข้างทาง

การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตนับเป็นการเปิดขอบฟ้าใหม่อย่างแท้จริง ในอดีต ฮากูตะอาจรู้สึกว่างานของเขาก็คือ การขับรถขนท่อเหล็กจากโรงงานย่านชานเมืองโตเกียวไปส่ง ที่นาโงยา แล้วก็ตีรถเปล่ากลับ แต่

เมื่อราวหนึ่งปีที่ผ่านมานี้เอง ที่บริษัทของเขาริเริ่มเว็บไซต์ "TraBox" เพื่อเป็นช่องทางติดต่อระหว่างคนขับรถกับบริษัทขนส่งสินค้า เว็บไซต์นี้ออกแบบให้ใช้กับบริการ

i-mode ของดูโคโม ทุกวันนี้ฮากูตะจึงได้รับอีเมลเรื่องงานวันละนับสิบข้อความ เมื่อเร็วๆ นี้ มีข้อความแจ้งเขา ที่นาโงยาว่าให้รับงานขนท่อ ที่ต้องนำกลับไป ที่โตเกียว

เขาโทรศัพท์ติดต่อผู้ว่าจ้าง แล้วก็ได้งาน ที่ทำให้มีรายได้พิเศษ 320 ดอลลาร์สหรัฐ ระหว่างทางกลับบ้าน

เขาจึงสรุปว่า "i-mode เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตการทำงานของผม"

ประสบการณ์ขับรถบรรทุก ที่เชื่อมต่อกับ

อินเทอร์เน็ตนี้ชี้ให้เห็นว่า i-mode อาจเป็นมากกว่าบริการแนวแฟชั่น ยาสุโนริ ฟูจิกูระ หัวหน้างานของ

ฮากูตะ และผู้บริหารบริษัทรถบรรทุกขนส่งอีกรายหนึ่ง เคยคิด ที่จะสร้างระบบคอมพิวเตอร์ ที่จะตัดนายหน้าไป และเชื่อมโยงบริษัทขนส่งสินค้ากับคนขับรถโดยตรงมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่เงินทุนสำหรับพัฒนาระบบดังกล่าวอยู่ในเกณฑ์สูงมาก จนกระทั่งมาพบบริการของ i-mode ดังกล่าว โทรศัพท์มือถือนั้น มีราคาตกราว 180 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคิดเป็นเพียง 1 ใน 10 ของราคาพีซี ด้วยเหตุนี้ "TraBox" จึงแจ้งเกิดได้ และในปีแรกก็ได้ลงนามกับบริษัทรถบรรทุกราว 1,100 แห่ง และคนขับรถอีก 40,000 คน มีดีลธุรกิจกันราว 150 รายการต่อวัน จึงนับว่าเป็นธุรกิจ ที่ไม่เลวทีเดียวสำหรับของเล่นวัยรุ่นชิ้นนี้



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.