ซีเอ็มจีดึงกำลังซื้อสู้ปัจจัยลบงัดซินเนอร์จี้แบรนด์เครือช่วย


ผู้จัดการรายวัน(2 เมษายน 2552)



กลับสู่หน้าหลัก

ซีเอ็มจีงัดกลยุทธ์ ซินเนอร์จี้แบรนด์ในเครือ อัดโปรโมชัน ล่อผู้บริโภคควักเงินซื้อสินค้า หลังพบไตรมาสแรกตลาดรวมชอปปิ้งลดลง คาดเผยโฉมสิ้นเดือนนี้ ประเดิมซื้อยีนส์ลีตามเงื่อนไขรับสินค้ามูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,800 บาทฟรี หวังดันภาพรวมบริษัทโต 10% ชี้ปัญหาเสื้อแดงชุมนุมยังน่าห่วง

นายวราวุธ มัทธนพจนารถ ผู้อำนวยการอาวุโสผลิตภัณฑ์ยีนส์ลี (LEE) บริษัท เซ็นทรัลเทรดดิ้ง จำกัด ในเครือซีเอ็มจีกรุ๊ป เปิดเผยว่า ยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจของซีเอ็มจีในปีนี้ จะมีการทำซินเนอร์จี้กับผลิตภัณฑ์ในเครือของซีเอ็มจีมากขึ้น เพื่อทำโปรโมชันและการตลาดร่วมกันอย่างเต็มที่ในครั้งแรกซึ่งไม่เคยทำแบบร่วมมือเต็มที่แบบนี้มาก่อน เพื่อสร้างยอดขายและรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีในขณะนี้ อันเป็นผลกระทบจากปัญหาการเมืองและวิกฤติเศรษฐกิจโลก

ทั้งนี้จากการสำรวจพบว่า ช่วง 2 เดือนแรกปีนี้ ผู้บริโภคเดินเที่ยวห้างสรรพสินค้าน้อยลงกว่า 50% แต่ในส่วนของศูนย์การค้านั้นผู้บริโภคยังคงเดินปกติไม่ได้ลดลง รวมทั้งปริมาณการจับจ่ายก็น้อยลงด้วย และความถี่ในการเดินห้างก็น้อยลงจากเดิม 3ครั้งต่อเดือนเหลือ 1ครั้งต่อเดือน แต่การซื้อสินค้าก็จะน้อยลงด้วย

โดยภาพรวมตลาดสินค้าแฟชั่น 3เดือนแรกนี้ตกลงไปกว่า 10% ส่วนภาพรวมยอดขายในต่างจังหวัดเติบโตดีกว่า ขณะที่ยอดขายในกรุงเทพฯ ตกลงกว่า 15% เนื่องจากคนกรุงเทพฯ ยังวิตกกังวลกับปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นอีกทั้งอยู่ใกล้ชิดกับเหตุการณ์ และข้อมูลของปัญหามากกว่าจึงอาจจะทำให้อารมณ์จับจ่ายน้อยลง

“สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองตอนนี้น่าเป็นห่วงมาก การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงก็ยังยืดเยื้อและเป็นตัวที่กระทบมากด้วย คิดว่าปัญหาการเมืองปีนี้ก็ยังคงไม่จบ ผู้บริโภคก็ยังวิตกกังวลมาก รอยัลตี้โปรแกรมที่ทางห้างหรือเจ้าของสินค้าใช้ก็ช่วยไม่ค่อยได้ ต้องลดแลกแจกแถมโปรโมชันเป็นหลัก แต่ต้องแตกต่างจากทั่วไปด้วย เพราะเดี๋ยวนี้การลดราคา 20% หรือเท่าไรก็เป็นเรื่องปรกติธรรมดาไปแล้ว” นายวราวุธกล่าว ”

จากยุทธศาสตร์การซินเนอร์จี้ดังกล่าว บริษัทฯเริ่มใช้กับผลิตภัณฑ์ลีก่อน โดยจะทดลองประมาณ 3 เดือนก่อนที่ประเมินยอดขาย คาดว่าจะเริ่มประมาณปลายเดือนเมษายนนี้ ซึ่งโปรแกรมที่วางไว้คร่าวๆจะมีการตั้งระดับการซื้อสินค้าของผู้บริโภค เช่น เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ลีในกรุงเทพฯตั้งแต่ 2,500 บาทขึ้นไป ส่วนในต่างจังหวัดจะเริ่มประมาณ 1,800 บาทขึ้นไป จะได้รับนาฬิกาคาสิโอ หรือกระเป๋าแซมโซไนท์ หรือนาฬิกาเกส หรือเครื่องสำอางคลาแรงส์ เป็นต้น แล้วแต่กำหนด ซึ่งของแถมจะมีราคาไม่ต่ำกว่า 1,800 บาท (ตามเงื่อนไขที่กำหนด)

“เราร่วมกับสินค้าในเครือทำให้เราสามารถลดต้นทุนได้ อีกทั้งเป็นการเพิ่มยอดขายในเครือด้วยกันเอง ซึ่งมากกว่า 50-60 แบรนด์ และปีนี้คงไม่มีแผนการนำเข้าแบรนด์ใหม่มาทำตลาดอีก” นายวราวุธกล่าว

ทั้งนี้บริษัทฯจะใช้งบการตลาดรวม 50 ล้านบาทในปีนี้เฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่นายวราวุธดูแลอยู่คือ ลี, ลีคิดส์, คอมบิ, ฮัชปั๊ปปี้ส์, เจนเซ่น เป็นต้น โดยงบหลัก 20 ล้านบาทจะใช้กับลี โดยตั้งเป้าหมายรวมปีนี้จะเติบโตประมาณ 8-10% ในแต่ละแบรนด์ ส่วนภาพรวมบริษัทฯคาดว่าจะเติบโต 5-10% ซึ่งกลุ่มที่เติบโตมากที่สุดคือ ยีนส์ เติบโต 15% จากทุกแบรนด์รวมกันในเครือคือ ลี ลีคูเปอร์ แรงเลอร์

สำหรับผลิตภัณฑ์ยีนส์ลีนั้นปีที่แล้วเติบโตมากกว่า 20% ขณะที่ภาพรวมตลาดยีนส์เติบโตแค่ 7-8% จากตลาดรวมยีนส์มากกว่า 4,500 ล้านบาท ซึ่งลีมีส่วนแบ่ง 20% อยู่ในอันดับท็อปทรีของผู้นำตลาด ส่วนช่วง 3 เดือนแรกปีนี้ตลาดรวมของยีนส์มีการเติบโตมากกว่า 10% แต่ตลาดรวมในกรุงเทพฯตกลง 10% โดยแผนธุรกิจลีปีนี้จะเปิดอีก 2 ชอป และ อีก 2 เคาน์เตอร์ รวมถึงจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่อเนื่อง ล่าสุดเปิดตัวรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น คือ ลี เดอะ โมเดิร์นด็อก เพื่อขยายกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งขณะนี้มีสัดส่วน 30% จากยอดขายบริษัทฯ คาดว่าปีนี้จะเติบโต 10%


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.