Change

โดย ปัณฑพ ตั้งศรีวงศ์
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา( เมษายน 2552)



กลับสู่หน้าหลัก

คงต้องขอยืมคำซึ่งเป็นที่นิยมใช้กันอย่างกว้างขวางนับตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา นำมาใช้เป็นแคมเปญในการหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา เมื่อปลายปีก่อนมาใช้บ้างสักครั้งหนึ่ง

เพราะดูแล้วเป็นคำที่มีความหมายต่อสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศไทยในเวลานี้เป็นอย่างยิ่ง

เมืองไทย ณ ขณะนี้กำลังต้องการการเปลี่ยน แปลงครั้งใหญ่ โดยเฉพาะกระบวนทัศน์ในการวางยุทธศาสตร์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ

โดยเฉพาะในเรื่องของการท่องเที่ยว

เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า เศรษฐกิจไทยทุกวันนี้ในจำนวนเครื่องยนต์ 4 ตัวที่เป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GDP) ได้นั้น

เครี่องยนต์ทั้ง 4 ตัวกำลังเดินแบบติดๆ ขัดๆ ไม่นอตหลวม แหวนหลวม ก็หัวเทียนบอด

เครื่องบางตัวยังวิกฤติถึงขั้นกระบอกสูบกำลังร้าวใกล้จะแตก

ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนของภาครัฐ การลงทุนภาคเอกชน การบริโภคของประชาชน และที่สำคัญที่สุดคือรายได้จากการส่งออก

การท่องเที่ยวจึงเป็นเพียงช่องทางหาเงินเข้าประเทศ หรือทำให้เกิดเงินสะพัดภายในประเทศเพียงช่องทางเดียวที่สามารถพัฒนาได้เร็วที่สุดและใช้ต้นทุนต่ำที่สุด

เพียงแต่กระบวนทัศน์ในการพัฒนายุทธศาสตร์การท่องเที่ยวของไทยจำเป็นต้องมีการทบทวนใหม่ครั้งใหญ่

เป็นการทบทวนอย่างเป็นระบบและครบวงจร

จากวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้น ทำให้โครงสร้างนักท่องเที่ยวและพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวเปลี่ยนแปลงไป

ฝรั่งที่เคยมาใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่าย พักโรงแรมหรูๆ นอนอาบแดดตามชายหาด มีจำนวนลดลงเป็นลำดับ

แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีฝรั่งเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยเลย

หรือนักท่องเที่ยวในย่านเอเชียด้วยกันทั้งจีน ญี่ปุ่น เกาหลี แม้กระทั่งมาเลเซีย ก็ยังมีการเดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยอยู่

แต่เป้าหมายของการท่องเที่ยวของคนเหล่านี้อาจเปลี่ยนแปลงไปตามกำลังเงินในกระเป๋า

การท่องเที่ยวราคาถูกน่าจะมีการหยิบยกขึ้นมาพิจารณาให้มีบทบาทมากยิ่งขึ้น

ธรรมชาติ วัฒนธรรม เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ เป็นสิ่งที่ประเทศไทยมีอยู่แล้ว ไม่ต้องไปลงทุนสร้างขึ้นมาใหม่

ภูมิศาสตร์ประเทศไทยที่อยู่ใจกลางอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง สามารถใช้เป็นจุดศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงเรื่องราว วัฒนธรรม และธรรมชาติของประเทศต่างๆ เหล่านี้เข้ามาหากันได้ โดยใช้เงินไม่มากนัก

เรื่องเหล่านี้ควรต้องมานั่งคิดกันอย่างละเอียด

ไม่ใช่ว่าพอต้องการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวแต่ละทีก็อาศัยเงินไปทุ่มซื้อสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ โดยยึดกรอบคิดแบบเดิมๆ ว่า นักท่องเที่ยวอยากมาประเทศไทยเพราะต้องการเพียงทะเล หาดทราย หรือแสงแดด

ภาพที่นำมาประกอบเนื้อหาในฉบับนี้ก็ฟ้องให้เห็นในตัวอยู่แล้ว

ภาพนี้เป็นภาพชายหาดริมแม่น้ำโขงที่จังหวัดหนองคาย จันทร์กลาง กันทอง ช่างภาพอาวุโสของนิตยสารผู้จัดการ 360 ํ ถ่ายเอาไว้เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้เอง

หญิงฝรั่ง 2 คนที่นอนอาบแดดอยู่ในภาพไม่จำเป็นต้องไปไกลถึงภูเก็ต สมุย หรือพัทยา แค่มาที่หนองคายก็ได้แดดเหมือนกัน อีกทั้งค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่ากินอยู่ในแต่ละวันถูกกว่าเป็นหลายๆ เท่า

หนำซ้ำหากอยากข้ามฝั่งไปเที่ยวยัง สปป.ลาว ก็ทำได้ง่าย แค่ไปขึ้นรถโดยสารบริเวณหน้าด่านบนสะพานมิตรภาพ

ปรากฏการณ์นี้เป็นเพียงตัวอย่างเดียวของพฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่ได้เปลี่ยนแปลงไป

ขึ้นอยู่กับว่าใครจะมองเห็นและนำมาใช้ประโยชน์ได้มากกว่ากัน


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.