มนุษย์กับสัตว์เดรัจฉาน เหมือนกันหรือแตกต่าง

โดย พัชรพิมพ์ เสถบุตร
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา( เมษายน 2552)



กลับสู่หน้าหลัก

มนุษย์ถือตัวว่า มีความรู้คิด มีจิตวิญญาณ มีปัญญารู้จักแก้ปัญหา คิดค้นสร้างสรรค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีคุณธรรมที่มนุษย์เรียกกันว่า "มนุษยธรรม" แต่หลักฐานข้อสังเกตที่นักธรรมชาติวิทยารวบรวมมานั้นชี้ให้เห็นว่าสัตว์เดรัจฉานมีคุณสมบัติดังกล่าวเช่นกัน มากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติตัวและพันธุกรรม

สัตว์หลายชนิดนั้นรู้คิดและเข้าใจอะไรได้มากกว่าที่มนุษย์คิดกันอยู่มากทีเดียว ลองมาพิจารณาข้อเท็จจริงกันดู

การประดิษฐ์คิดใช้เครื่องมือ
จากการสังเกตพฤติกรรมของลิงอุรังอุตังป่าบนเกาะบอร์เนียวเป็นเวลา 25 ปี ระบุว่าลิงอุรังอุตังมีความสามารถในการคิดอย่างมีเหตุผล มีประเพณีวัฒนธรรมการอยู่ร่วมกัน และรู้จักคิดประดิษฐ์เครื่องมือขึ้นใช้เพื่อประโยชน์ในการดำรงชีวิต เช่น รู้จักเอากิ่งไม้มาหักให้มีขนาดเหมาะสมในการแหย่เข้าไปในโพรงต้นไม้ เพื่อไล่แมลงให้ออกมาเป็นอาหาร บางตัวใช้ใบมะพร้าวมาทำเป็นที่กำบังฝน บางตัวใช้ใบไม้มารองมือขณะไต่ขึ้นต้นไม้เพื่อไม่ให้มือถลอก และบางครั้งบางคราวก็เอาใบไม้มามัดรวมกันทำเป็นตุ๊กตาไว้เล่นแก้เหงา

ความสามารถในการเรียนรู้
สัตว์มีความสามารถในการเรียนรู้อย่างไม่น่าเชื่อ-ไม่ต้องพูดถึงการฝึกให้ทำโน่นทำนี่ตามปกติหรอก สัตว์หลายชนิดทำได้อยู่แล้ว แต่เน้นความเข้าใจทางนามธรรม เช่น จำนวนตัวเลข ถ้าฝึกให้ลิง lemur กด keyboard ว่ามันต้องการขนม จำนวนกี่ชิ้น มันก็ทำได้ในที่สุด ความสามารถในการเรียนรู้ตัวเลข ยังมีอยู่ในสัตว์อีกหลายชนิด แม้แต่นกแก้วที่เราไม่ได้จัดไว้เป็นสัตว์ชั้นสูงเช่นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมก็สามารถเรียนรู้ตัวเลขได้เช่นกัน หากเรามีวิธีฝึกที่เหมาะสม

ความสามารถนี้มีอยู่ในสุนัขแน่นอน ดังที่เรารู้เห็นกันอยู่ทั่วๆ ไป สุนัขเข้าใจภาษามนุษย์ทั้งยังเข้าใจความรู้สึกและ ท่าทางของมนุษย์ได้ด้วย อาจเป็นเพราะว่า สุนัขมีวิวัฒนาการอยู่ร่วมกับมนุษย์มาเป็น เวลาร่วม 15,000 ปี มนุษย์ใช้สุนัขทำงาน ต้อนฝูงสัตว์ ซึ่งต้องพัฒนาทักษะในการรับฟังและเข้าใจภาษา แต่ลึกลงไปกว่านั้น สุนัขก็รู้คิดรู้จักแปลความหมายภาพและท่าทาง ถ้าลึกลง ไปก็คือ มีคุณธรรมประจำใจ ยกตัวอย่างสุนัขของผู้เขียน ทุกครั้งที่ได้ยินชื่อของเขา แซนดี้จะหูผึ่งตั้งใจฟัง จ้องมอง ท่าทางและสีหน้าของผู้พูด กระดิกหูขึ้นลงเล็กน้อย เหมือน กับว่าตั้งใจจะแปลความหมายว่า มีเจตนาดีหรือร้าย ถ้าแซนดี้สรุปว่าดี เขาก็จะนอนลงด้วยท่าทางผ่อนคลายสบายใจ ถ้าสรุปว่าร้ายก็จะลุกขึ้นมาขู่ ฮึ่ม ฮึ่ม! ใส่คนพูด

ในแง่ของจริยธรรม เมื่อเลี้ยงสุนัขหลายตัวไว้ด้วยกันในบ้าน มันจะมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ไม่ดีก็ร้าย เช่นเดียวกับคน บางทีก็แก่งแย่งแข่งกัน บางทีก็เล่นกัน เลียกัน แต่มีไม่มากนักที่สุนัขแสดงให้เห็น ถึงความเสียสละอันเป็นคุณธรรมขั้นสูง อย่างที่บ้านของผู้เขียน มีสุนัขเลี้ยงไว้ด้วยกัน 2 ตัว ตัวโตเป็นผู้ใหญ่กว่าหลายปี เวลาให้อาหาร ตัวเล็กชอบเข้าไปแย่งเอาเนื้อมาจากจานของตัวใหญ่ แต่ตัวใหญ่ก็ยอมให้แย่งกินโดยดี นั่นเป็นมารยาทแห่งความเสียสละและเมื่อพาออกไปเดินเล่นนอกบ้าน ตัวใหญ่ก็จะคอยคุ้มกันตัวเล็กเสมอ เมื่อมีฝูงสุนัขอื่นเข้ามารุกราน ตัวใหญ่จะวิ่งเข้าไปกันไว้ข้างหน้าปกป้องตัวเล็กเสมอ ความช่วยเหลือและเสียสละในลักษณะนี้คือคุณธรรมที่มนุษย์ไม่คิดว่าสุนัขที่ต่ำต้อยจะมีเสมอมนุษย์

การรู้จักตัวเอง (self-awareness) และรู้จักคนอื่น
ใครบอกว่าแกะดูเหมือนกันหมด แต่ถ้าถามแกะดู มันจะจำหน้าบุคคลรอบๆ ตัวมันได้ และจำได้อยู่เป็นระยะเวลานาน แกะดำตัวหนึ่งของฟาร์มในรัฐเวอร์จิเนีย จำหน้าบุคคลใกล้ชิดได้ แม้ว่าบุคคลนั้นได้จากไปหลายปีและกลับมาอีก ยิ่งกว่านั้น มันยังแสดงท่าทางสงบขึ้น เมื่อได้อยู่ใกล้คนที่ถูกใจ

ในการจดจำภาพและเชื่อมโยงกับสิ่งที่มีอยู่จริง สัตว์หลายชนิดก็ทำได้ นักวิจัยได้ทำการทดลองกับสุนัขพันธุ์ collies ตัวหนึ่งให้มันดูภาพของเล่น 4-5 ภาพแล้วสั่งให้ไปคาบของเล่นในภาพมาให้ผู้ฝึก ปรากฏว่า สุนัขดูภาพของเล่นแต่ละภาพสามารถไปเอาของเล่นชนิดนั้นมาให้ได้ถูกต้องทุกครั้งไป เป็นความสามารถในการแปลภาพ อันเป็นรากฐานในการเรียนรู้ ภาษาที่เราคิดว่ามีเฉพาะในมนุษย์เท่านั้น นี่หากสุนัขมีพัฒนาการสูงกว่านี้อีกสักนิด มันคงจะสามารถอ่านแผนที่และหาทางไปตามแผนที่ได้ถูกต้องก็เป็นได้

เมื่อช้างดูกระจก มันเห็นอะไร-มันรู้ได้ว่าเงาในกระจกนั้นคือตัวมัน เคยเข้าใจกันว่ามีแต่มนุษย์และลิงชิมแปนซีเท่านั้นที่รู้จักตัวเอง จากการสังเกตพฤติกรรมสัตว์ เมื่อช้างดูกระจก มันจะสำรวจกระจกก่อนว่าเป็นวัตถุอะไร แล้วหันมามองเงาในกระจก ลองเอางวงแตะหัวตัวมันเองแล้วโคลงหัวไปมา นั่นแสดงว่า มันรู้ว่า เงานั่นคือตัวมันเอง สัญญาณของ self-awareness หรือสำนึกของสัตว์ชั้นสูง การรู้จักวางแผนลับ ลวง พราง

ยิ่งสัตว์ที่ใกล้เคียงกับมนุษย์มากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งมีความคิดซับซ้อนมากขึ้น คือรู้จักการวางแผน หรือการใช้เล่ห์เพทุบาย มีรายงานข่าวเมื่อไม่นานมานี้ว่า ชิมแปนซีเพศผู้ในสวนสัตว์แห่งหนึ่งในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นนักวางแผนก่อการร้ายตัวยง เพราะมันคอยสะสมอาวุธ (ก้อนหินและแผ่นคอนกรีต) ซ่อนไว้ทุกวัน เมื่อมีสิ่งใดไม่สบอารมณ์ เจ้าลิงร้ายก็จะขว้างก้อนหินข้ามคูน้ำไปยังผู้เยี่ยมชม เจ้าหน้าที่พบก้อนหินนับร้อยก้อนสะสมไว้เป็นคลังอาวุธ นักวิจัยซึ่งเฝ้าดูพฤติกรรมอย่างต่อเนื่อง 5 วันติดต่อกัน พบว่ามันมีการวางแผนอย่าง เป็นระบบ จะแอบเก็บก้อนหินจากบ่อน้ำแล้วเอาไปรวมไว้ในที่ซ่อนก่อนสวนสัตว์จะเปิด ต่อมามันคงจะรู้สึกว่าก้อนหินเหล่านั้น ขว้างไปแล้วยังไม่สะใจ มันจึงเริ่มทำอาวุธใหม่ โดยค่อยๆ แกะเอาคอนกรีตจาก ผนังที่กะเทาะออกมาเก็บไว้ในคลังอาวุธ นักวิจัยวิเคราะห์ว่า "มันรู้จักวางแผนอนาคตอย่างซับซ้อน มีความคิดลึกลับซ่อนเงื่อน และสามารถเรียนรู้บทเรียนในอดีต ไม่แพ้ผู้ก่อการร้ายคนหนึ่งเลยทีเดียว"

สัมผัสพิเศษ-รู้ใจคน
ปลาโลมาเป็นสัตว์อีกชนิดหนึ่ง ที่มีความนึกคิดที่พัฒนาเหนือกว่าสัตว์โดยทั่วไป ปลาโลมาเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่วิวัฒนาการขึ้นมาจากปลาและสัตว์เลื้อยคลานพร้อมๆ กับมนุษย์ แต่ตัดสินใจกลับสู่ทะเลอีก ปลาโลมาสามารถฝึกให้ทำท่าเลียนแบบคนได้ นักวิเคราะห์วิจัยบอกว่าต้องใช้ความเข้าใจขั้นสูง ยิ่งกว่านั้นปลาโลมายังมีความสามารถในการแก้ปัญหาฉุกเฉินได้ด้วย หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องปลาโลมาให้ความช่วยเหลือคนจมน้ำด้วยวิธีการต่างๆ นอกจากนั้นปลาโลมายังมีสัมผัสพิเศษในการรับรู้ว่ามีมนุษย์บริเวณใกล้เคียงตกอยู่ในอันตรายและต้องการความช่วยเหลือ

มนุษย์อาจทะนงตัวว่าอยู่เหนือสัตว์อื่น แต่ถึงอย่างไรมนุษย์ก็ยังต้องเป็นไปตามธรรมชาติของการเกิด แก่ เจ็บ ตาย และทนทุกข์ทรมานกับสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษและการเบียดเบียนกัน เช่นเดียวกับสัตว์ทั้งหลายในปัจจุบันที่เกิดสภาวะโลกร้อน เศรษฐกิจตกต่ำ น้ำมันแพง ไม่ว่าสัตว์หรือคนก็ต้องหาทางเอาตัวรอดด้วยกันทั้งสิ้น วิธีการหนึ่งคือ การที่คนและสัตว์อยู่ร่วมกันอย่างสมดุลในธรรมชาติให้มากที่สุดนั่นเอง


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.