|
Incredible India เหลือเชื่อจริงๆ!! อินเดีย
โดย
สุภัทธา สุขชู
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา( เมษายน 2552)
กลับสู่หน้าหลัก
"นมัสเต" อินเดียนับเป็นเมืองที่มีความพิเศษและมีมนตร์เสน่ห์อย่างเหลือเชื่อ เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวมักกลัวก่อนมาด้วยข่าวลือข่าวร้ายต่างๆ นานา แต่พอได้มาแล้วน้อยคนที่จะไม่หลงรัก ยิ่งถ้าเป็นทัวร์แสวงบุญด้วยแล้ว หลายคนปลื้มปิติ จนไป "อินเดีย" ครั้งเดียวคงไม่พอ
นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงไม่น่าแปลกใจที่ทัวร์เอื้องหลวงหันมารุกตลาดพุทธภูมิอย่างจริงจัง แม้แต่ดารายังลุกขึ้นมาตั้งบริษัททัวร์แสวงบุญอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
เที่ยวบิน TG8820 กรุงเทพฯ-พุทธคยา-พาราณสี มีผู้โดยสารเต็มลำ มีทั้งชาวไทยและต่างชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวเอเชีย ทั้งญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน ฮ่องกง ทิเบต และอินเดีย แต่ฝรั่งผมทองก็มีให้เห็นไม่น้อย เนื่องจากอยู่ในช่วงฤดูแสวงบุญ เริ่มตั้งแต่ปลายตุลาคม-มีนาคม ซึ่งมีอากาศเย็นสบาย
สำหรับชาวพุทธ พุทธคยานับเป็นตำบลที่สำคัญที่สุดสำหรับพุทธศาสนิกชนจากทั่วโลก เพราะที่นี่เป็นสถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า และยังได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 2545
ว่ากันว่า หากเป็นเมื่อก่อนการเดินทางมาพุทธคยาต้องอาศัยศรัทธาและความอดทนอย่างสูง เพราะผู้แสวงบุญต้องนั่งเครื่องมาลงที่เมืองกัลกัตตาแล้วต่อรถไฟมากินเวลาร่วม 7 ชม. และจากพุทธคยาต้องนั่งรถต่อไปยังพาราณสี ระยะทางเพียง 256 กม. อาจกินเวลาร่วม 7 ชม. แต่ที่ยิ่งแย่ก็คือถนนหนทางอันขรุขระ บางครั้งถ้ารถติดคาราวานวัวอาจเสียเวลาไปอีกหลายชั่วโมง แต่ก็คงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าท่อง "ขันติ"
เมื่อมีนักท่องเที่ยวกลุ่มนักแสวงบุญเดินทางมาที่นี่มากขึ้นๆ ประกอบกับคนอินเดียเริ่มเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น หลายสายการบินจึงเริ่มเสนอตัวเข้ามาให้บริการรวมทั้งสายการบินไทย ที่มีเที่ยวบินธรรมมากถึง 4 ไฟลต์ต่อสัปดาห์ ซึ่งอัตราขนส่งผู้โดยสาร (load factor) สูงกว่า 90% ทีเดียว
พระสงฆ์ในวัดไทยที่อินเดียเล่าว่า เมื่อปลายปีที่แล้วมีคนไทยหนีความวุ่นวายทางการเมืองไปแสวงบุญแล้วพักที่วัดไทยมากถึงเดือนละ 30-50 คณะ บางวัน 5 คณะมาพร้อมกันรวมกว่า 200 คน จนแน่นวัดไปหมด ขณะที่บริษัททัวร์แห่งหนึ่งให้ข้อมูลว่าใน 5-6 เดือนของฤดูแสวงบุญ มักมีลูกค้าคนไทยซื้อทัวร์ไปจาริกแสวงบุญในอินเดียเดือนละกว่า 5 กรุ๊ป กรุ๊ปละประมาณ 20 คน
ด้วยนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงไม่น่าแปลกใจที่ทัวร์เอื้องหลวงหันมารุกตลาดพุทธภูมิอย่างจริงจัง และแม้แต่ดาราก็ยังลุกขึ้นมาตั้งบริษัททัวร์แสวงบุญอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
"เมื่อเทียบกับ 15 ปีที่แล้ว ทุกวันนี้มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปแสวงบุญเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยจุดเปลี่ยนที่ทำให้ทัวร์ประเภทนี้ได้รับความนิยมน่าจะมาจากช่วงเริ่มต้นมีพระภิกษุที่เดินทางไปจาริกแล้วมาบอกต่อกับญาติโยม บวกกับการเดินทางสะดวกจึงทำให้ผู้แสวงบุญเข้าถึงได้ง่ายขึ้น" บริษัททัวร์เล่าให้ฟัง
สอดคล้องกับการบินไทยที่เชื่อว่าพระสงฆ์ไทยในอินเดียเป็นกลไกที่ผลักดันให้ทัวร์แสวงบุญเติบโตยิ่งๆ ขึ้น จึงมีการเชิญเจ้าอาวาสวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์มาฉันเพลที่การบินไทยเพื่อประสานความสัมพันธ์อันดี
หลวงวิจิตรวาทการเคยกล่าวไว้ในหนังสือของดีในอินเดียว่า ใครมาเยือนอินเดียแล้วไม่ได้แวะมาพาราณสี ถือว่ายังมาไม่ถึงอินเดีย เพราะที่นี่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นอินเดียโดยแท้เอาไว้ได้เกือบทุกกระเบียดนิ้ว โดยเฉพาะประเพณีโบราณเก่าแก่อย่างการอาบน้ำล้างบาปและการเผาศพริมฝั่งแม่น้ำคงคา ที่ยังมีให้เห็นแม้กาลเวลาจะผ่านมาแล้วกว่าหลายพันปี
การล่องแม่น้ำคงคาเพื่อชมพิธีบูชาพระอาทิตย์และการอาบน้ำล้างบาปของชาวฮินดูริมฝั่งแม่น้ำคงคา และพิธีเผาศพด้วยกองฟอนที่ไม่เคยมอดมานานกว่า 3 พันปี จึงถูกบรรจุในแทบทุกโปรแกรมที่มาเยือนเมืองนี้
หลวงวิจิตรวาทการลงความเห็นว่า พาราณสีเป็นเมืองสำหรับตาย เหล่าราชา มหาราชา และเศรษฐีทั้งหลายจึงเลือกมาสร้างคฤหาสน์ริมน้ำคงคามากมายเพียงเพื่อรอวันย้ายมาเมื่อพวกเขาใกล้ตาย ...ส่วนคนไข้ใกล้ตายคนไหนที่ไม่มีตำหนักเป็นของตน แต่พอมีเงินที่เก็บมาตลอดชีวิตเพื่อการนี้ ที่นี่ก็มีห้องแถวให้เช่า ซึ่งคนไทยเรียกกันว่า "มรณังโฮเต็ล"
นอกจากพุทธคยาในรัฐพิหาร อินเดียมีพุทธสังเวชนียสถานอีก 2 แห่งในรัฐอุตตรประเทศ ซึ่งล้วนแต่อยู่ตอนบนของอินเดีย โดยแห่งหนึ่งอยู่ที่เมืองสารนาถซึ่งเป็นสถานที่ ที่พระพุทธองค์ทรงแสดงปฐมเทศนาโปรดปัญจวัคคีย์ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน อีกแห่ง อยู่ที่เมืองกุสินารา อันเป็นสถานที่ปรินิพพานของพระพุทธเจ้า
ส่วนสถานที่ประสูติอยู่ในเมืองลุมพินี ประเทศเนปาล ดังนั้น บริษัททัวร์หลายแห่งจึงมักจัดโปรแกรมไปเที่ยวเนปาล เข้าไปในแพ็กแสวงบุญพร้อมกันด้วย
สำหรับมือใหม่หัดไปอินเดีย อย่างน้อยจะมี 4 สิ่งที่จะถูกบอกเล่าให้กลัวล่วงหน้า คือโรคท้องเสียที่จะมาพร้อมกับความสกปรกและเชื้อโรค, กับดักอุจจาระที่ทำให้ต้องหมั่นเจริญสติเสมอๆ, ห้องน้ำ ที่หายากจนเกิดคติประจำทัวร์ "หญิงซ้าย ชายขวา" เวลาที่รถจอดให้ลงข้างทาง
สุดท้ายคือ ขอทานที่จะดักรอขอกับคนไทยที่หน้าตาดูมีราศี โดยมีลูกไม้ให้ใจอ่อนด้วยการเรียกว่า "ราชา" หรือ "มหาราชา" สำหรับผู้ชาย และ "รานี" หรือ "มหารานี" สำหรับผู้หญิง ซึ่งผู้เล่ามักจะมาพร้อมคำเตือนว่า อย่าได้ให้เพราะพวกเขาจะมารุมกันอีกเพียบ
ทั้งนี้ รัฐพิหารและอุตตรประเทศถือเป็นรัฐที่ยากจนที่สุด 2 อันดับแรกของประเทศอินเดีย แต่พอมีวัดพุทธและ
ชาวพุทธจากทั่วโลกมาเที่ยวแสวงบุญ เศรษฐกิจของเมืองอันเป็นที่ตั้งของพุทธศาสนสถานเหล่านี้ก็เริ่มโตขึ้น พร้อมๆ กับจำนวนขอทานที่มากขึ้นกว่าที่อื่น
แม้อินเดียจะมีพุทธสังเวชนียสถานถึง 3 แห่ง แต่ศาสนาที่คนอินเดียนับถือมากที่สุดกว่า 80% คือศาสนาฮินดู ส่วนศาสนาพุทธมีคนอินเดียนับถือเพียงไม่ถึง 2% โดยคนอินเดียนับถือศาสนา เทพเจ้า และนิกายต่างๆ หลากหลายร่วม 400 ศาสนา
ศาสนาเป็นรากฐานสำคัญที่ส่งผลต่อวัฒนธรรม ประเพณี ศิลปะ และวิถีชีวิต
ในเมื่ออินเดียมีหลายศาสนาเช่นนี้ ความหลากหลายของศิลปวัฒนธรรม ประเพณีและวิถีชีวิต จึงกลายเป็นจุดขายของประเทศนี้ เช่น Taj Mahal สถาปัตยกรรมอิสลามชิ้นเอกของอินเดีย อนุสรณ์แห่งความรักที่กลายเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก เป็นต้น
ไม่เพียงความหลากหลายในมิติวัฒนธรรม อินเดียยังมีความแตกต่างทางภูมิประเทศ ที่ทำให้เกิดความงดงามทางธรรมชาติ กลายเป็น "สินค้าท่องเที่ยว" อีกรูปแบบ
นอกจากทัวร์แสวงบุญและทัวร์วัฒนธรรม รัฐบาลอินเดียยังพยายามดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ เพื่อให้สอดคล้องศักยภาพและความหลากหลายที่ดินแดนแห่งนี้มีอยู่แต่เดิมเป็นเนื้อนาบุญ และที่เกิดจากแรงผลักดันของภาครัฐ เช่น ทัวร์ผจญภัย ทัวร์ท่องป่าและท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ทัวร์ชนบท (Rural Tourism) ทัวร์สุขภาพ ทัวร์เมืองหนัง "Bollywood" และไมซ์ทัวร์ เป็นต้น
"อินเดียและจีนเป็นประเทศที่มีขนาดธุรกิจใหญ่มาก และจะเติบโตอย่างมากในอีก 2 ปีข้างหน้า เราก็เลยเห็นโอกาสที่จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไปใน 2 ประเทศนี้ เยอะขึ้นเรื่อยๆ ภายใน 2-3 ปีนี้ เราจึงมีโปรเจ็กต์ที่จะเปิดโรงแรมใน 2 ประเทศนี้เยอะมาก" ผู้จัดการระดับเอเชียแปซิฟิกของเชนโรงแรมระดับโลกอย่าง Accor และ Marriott กล่าวตรงกัน
สอดคล้องกับสิ่งที่วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานบอร์ดการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เคยกล่าวในงานสัมมนาหัวข้อ "คาดการณ์แนวโน้มธุรกิจท่องเที่ยวปี 2552" ว่า จีนและอินเดียจะเป็น 2 ใน 10 ประเทศต้นๆ ที่มีคนไปมากที่สุด
ปีที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไปเที่ยวอินเดียกว่า 5 ล้านคน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวร่วม 1.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ สูงกว่า GDP ของทั้งประเทศกว่า 10 เท่า
ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจโลกเช่นนี้ รัฐบาลอินเดียร่วมมือกับภาคเอกชนทั้งสายการบินและโรงแรมที่พักจากทั่วประเทศ ออกแคมเปญ "VISIT INDIA 2009" ซึ่งเป็นโปรโมชั่นพิเศษเพื่อดึงดูดใจนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มจากทุกมุมโลก ...ให้ลองเปิดใจแล้วมาเที่ยวที่นี่
หลังจากได้ "Feel India from Within"... อินเดียจะเป็นเพียงเมืองที่คนกลัวก่อนมา แต่จะตกหลุมรักจนอยากกลับมาค้นหา "อินเดีย" ครั้งแล้วครั้งเล่า ...เหมือนกับหลายๆ คน
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|