|
'สหวิริยา'หวังศาลชี้ขาดปัญหาที่ดิน
ผู้จัดการรายวัน(31 มีนาคม 2552)
กลับสู่หน้าหลัก
เครือสหวิริยาเชื่อโครงการโรงถลุงเหล็กไม่ได้รับผลกระทบจากการยื่นฟ้องศาลปกครองเอาผิดเจ้าหน้าที่เพิกเฉยการดูแลป่าพรุที่อ.บางสะพาน อ้างได้รับเอกสารสิทธิ์อย่างถูกต้องตามกฎหมายแถมตัดพื้นที่ดังกล่าวออกจากโครงการไปแล้ว มองแง่ดีศาลชี้ขาดจะได้ยุติข้อสงสัย ยันบริษัทพร้อมลงทุนหากรัฐมีนโยบายสนับสนุนที่ชัดเจน
นายวิน วิริยประไพกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) และกรรมการ เครือสหวิริยา เปิดเผยกรณีที่ศาลปกครองกลางรับฟ้องคดีสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนยื่นฟ้องหน่วยงานรัฐ 11 แห่งในฐานะหน่วยงานปกครองหรือเจ้าหน้าที่รัฐเพิกเฉย ละเลยหน้าที่ในการอนุรักษ์ดูแลพื้นที่ป่าพรุ ป่าชายเลน ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะประโยชน์ โดยขอให้เพิกถอนเอกสารสิทธิที่ออกโดยไม่ชอบว่า การยื่นฟ้องดังกล่าว คงไม่ส่งผลกระทบต่อการลงทุน เนื่องจากเอกสารสิทธิต่างๆที่บริษัทฯถือครองที่ดินในพื้นที่นั้นออกมาอย่างถูกกฎหมาย ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจสอบยืนยันว่าเป็นเอกสารที่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ได้มีการบุกรุกป่า
อย่างไรก็ตาม การยื่นฟ้องศาลปกครองกลางครั้งนี้ หากพิจารณาในแง่บวกก็เป็นโอกาสดีที่จะให้ศาลพิจารณาเพื่อยุติข้อสงสัยดังกล่าว
“ บริษัทฯยืนยันว่า เอกสารใบถือครองที่ดินเพื่อลงทุนโครงการโรงถลุงเหล็กที่อ.บางสะพานนั้นมาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยบริษัทฯได้ซื้อมาจากชาวบ้านมานานหลายสิบปีก่อนหน้านี้ จึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ซึ่งการออกมาของสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนแบบนี้ ย่อมส่งผลกระทบต่อการลงทุน และเป็นการบั่นทอนความเชื่อมั่นนักลงทุนด้วย”
นอกจากนี้ พื้นที่ตั้งโครงการโรงถลุงเหล็กของเครือสหวิริยาทั้งหมด 1,163 ไร่ แม้ว่าจะ เป็นพื้นที่เอกสารสิทธิที่ถูกต้อง แต่เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาข้อพิพาท ทางเครือสหวิริยาจึงได้ตัดพื้นที่ที่มีข้อโต้แย้งดังกล่าวออกจากผังของโครงการฯ ไปจำนวน 17 แปลง กินพื้นที่ประมาณ 200 ไร่ไปนานแล้ว ซึ่งเป็นพื้นที่อยู่ในข่ายที่สมาคมฯได้ยื่นร้องต่อศาลปกครองกลางครั้งนี้
ส่วนความคืบหน้าโครงการลงทุนโรงงานถลุงเหล็ก ขณะนี้ได้ชะลอไปก่อนเนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนจากรัฐบาลที่จะสนับสนุนโครงการดังกล่าวเกี่ยวกับระบบสาธารณูปโภคทั้งไฟฟ้า โลจิสติกส์ อย่างไรก็ตาม หากรัฐมีนโยบายในเรื่องนี้ชัดเจนขึ้นบริษัทฯก็พร้อมที่จะลงทุน ขณะเดียวกันบริษัทฯก็ศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนโครงการดังกล่าวในจีนและเวียดนามด้วย
นายวิน กล่าวต่อไปว่า โครงการโรงถลุงเหล็กมีความจำเป็นในแง่เศรษฐกิจที่ภาครัฐต้องการส่งเสริมการลงทุนให้เกิดการจ้างงานในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ขณะเดียวค่าใช้จ่ายในการลงทุนก่อสร้าง อุปกรณ์เครื่องจักรต่ำลงด้วย เนื่องจากหลายประเทศชะลอการลงทุนลง
สำหรับสถานการณ์ราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนขณะนี้ราคาทรงตัวอยู่ หลังจากปลายปีที่แล้วปรับตัวลดลงมาก ทำให้ลูกค้ามีการใช้สต็อกเหล็กจนปัจจุบันสต็อกสินค้าลดลง ส่วนผลกระทบจากอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มียอดการผลิตลดลงนั้น ไม่ส่งผลกระทบมากนัก เนื่องจากธุรกิจยานยนต์ใช้เหล็กแผ่นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น นอกจากนี้ตลาดส่งออกยังมีความต้องการอยู่บ้าง ทำให้บริษัทฯหันไปส่งออกเหล็กแผ่นรีดร้อนเพิ่มขึ้น โดยราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนอยู่ที่ตันละ 500 เหรียญสหรัฐ
เมื่อเร็วๆนี้ ศาลปกครองกลางได้รับฟ้องคดีที่สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน พร้อมพวกรวม 50 คน ยื่นฟ้องหน่วยงานของรัฐ 11 แห่ง ในฐานะหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเพิกเฉยหรือละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติในการอนุรักษ์ รักษา คุ้มครองดูแลพื้นที่ป่าพรุ ป่าชายเลน ตำบลแม่รำพึง อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์ชุมชนใช้ร่วมกันมายาวนาน ประกอบด้วย 1. อบต.แม่รำพึง 2. อบต.กำเนิดนพคุณ 3. เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สาขาบางสะพาน 4.นายอำเภอบางสะพาน 5.ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
6.อธิบดีกรมที่ดิน 7.อธิบดีกรมป่าไม้ 8.อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์พืช 9.อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง 10.คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ 11.รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และมี บริษัท ประจวบพัฒนาดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (คู่กรณีฝ่ายที่สาม) ผู้ร้องสอด
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|