ททท.ใช้วิกฤตบูมท่องเที่ยววิถีพุทธพิมพ์คู่มือแหล่งปฎิบัติธรรมแจกตช.


ผู้จัดการรายวัน(30 มีนาคม 2552)



กลับสู่หน้าหลัก

ททท.เตรียมพิมพ์หนังสือคู่มือท่องเที่ยวปฎิบัติธรรม ฉบับภาษาอังกฤษ แจกนักท่องเที่ยวชาวพุทธ หวังบูมไทยเป็นเมคิเตชั่น ด้านการปฎิบัติธรรม ลดกระแสคนเครียดจากพิษเศรษฐกิจ นำร่องสำรวจแล้ว 54 แหล่งปฎิบัติธรรม ด้านตลาดต่างประเทศ เผยกลยุทธ์ปี 53 ยันใช้สโลแกน อะเมซิ่งไทยแลนด์ อะเมซิ่งแวลู ย้ำจุดยื่นที่ความคุ้มค่า

นายอักกพล พฤกษะวัน รองผู้ว่าการด้านสินค้าการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า ททท.อยู่ระหว่างเตรียมจัดทำหนังสือคู่มือท่องเที่ยวประเภทแหล่งปฎิบัติธรรม โดยจะพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษ เพื่อใช้สำหรับแจกจ่ายแก่นักท่องเที่ยว และบริษัททัวร์ในต่างประเทศ ในปีงบประมาณ 2553

โดยอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวเชิงพุทธศาสนา ประเภทที่เป็นสถานที่ปฎิบัติธรรม วิปัสนา กรรมฐาน

ล่าสุดมีรายงานสถานที่ตามที่กล่าวตอบรับมาแล้ว 23 แห่ง จากทั้งหมด 54 แห่ง ที่ททท.ได้ทำการสำรวจว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะสมแก่การปฎิบัติธรรม ทั้งนี้นักท่องเที่ยวที่เข้าไปปฎิบัติธรรมจะต้องปฎิบัติตามกฎระเบียบของสถานที่แต่ละแห่งอย่างเคร่งครัด ซึ่ง ททท.จะยังคงสำรวจและส่งหนังสือไปอีกเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงเดือนมิถุนายนนี้ คาดว่าจะสรุปจำนวนสถานที่ได้ จากนั้นจึงนำมาจัดพิมพ์เป็นรูปเล่ม

นายอักกพล กล่าวว่า โครงการนี้ ททท.จุดประสงค์ของการส่งเสริม ไม่ใช่เพื่อต้องการลบภาพแหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทยในบางแห่งที่นักท่องเที่ยวต่างชาติมองว่าเป็นแหล่งบันเทิง หรือไนท์ไลฟ์ แต่ต้องการชูจุดขายมุมมองใหม่ของประเทศไทยในฐานะที่เป็นเมืองพุทธศาสนาให้มีความโดดเด่นขึ้น

ปัจจุบันนี้ผู้คนกำลังตกอยู่ในภาวะความเครียดจากปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น และกำลังขยายวงกว้างไปทั่วโลก หากนักท่องเที่ยวจะปรับพฤติกรรมการท่องเที่ยว เพื่อผ่อนคลายความเครียดด้วยการปฎิบัติธรรมก็น่าจะเป็นทางออกที่ดี

สำหรับตลาดเป้าหมายของกลุ่มปฎิบัติธรรมนี้ สามารถครอบคลุมได้กับนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยเฉพาะในแถบเอเชีย ซึ่งส่วนใหญ่ก็นับถือศาสนาพุทธเช่นกัน ส่วนตลาด ยุโรป อเมริกา ก็เริ่มให้ความสนใจกับพุทธศาสนามากขึ้น โครงการนี้เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ตลาดต่างประเทศของ ททท. ที่ฉวยวิกฤต เป็นโอกาส

ด้านนายสันติชัย เอื้อจงประสิทธิ์ รองผู้ว่าการด้านตลาดต่างประเทศ ททท.กล่าวว่า ปีงบประมาณ 2553 ตลาดต่างประเทศยังคงเสนอยุทธศาสตร์การตลาด ภายใต้สโลแกน อะเมซิ่งไทยแลนด์ อะเมซิ่งแวลู เพื่อใช้ต่อเนื่องจากปีนี้ เพราะต้องการตอกย้ำสร้างการจดจำแบรนด์ให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้เห็นถึงความคุ้มค่าเงินเมื่อมาเที่ยวปะเทศไทย สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจโลก เบื้องต้นคาดว่าจะใช้สโลแกนนี้อีกราว 1-2 ปี เพื่อการทำงานที่ต่อเนื่องภาคเอกชนก็สามารถคิดนำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยวให้ไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย

โดยในเดือนเมษายนนี้จะเรียกประชุมผู้อำนวยการสำนักงานททท.ในต่างประเทศทุกแห่งเพื่อระดมความคิดวางกรอบให้ชัดเจนก่อนนำเสนอที่ประชุมใหญ่ในเดือนมิถุยายน


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.