|
ธปท.หนุนเสริมความรู้ลูกค้ากองทุนรวม
ผู้จัดการรายวัน(27 มีนาคม 2552)
กลับสู่หน้าหลัก
ผู้ว่าแบงก์ชาติ หนุนวงการกองทุนรวม สร้างความรู้นักลงทุน เข้าใจผลตอบแทนและความเสี่ยง หวั่นฐ้ำรอย กบข. แนะอย่าหวังผลระยะสั้น ขายเพื่อทำยอด แต่ต้องขายให้คนที่เข้าใจจริง เตือนอาจมีผลกระทบระยะยาว ด้านสมาคมบลจ. รับลูก ชี้มีความจำเป็น แต่ต้องใช้เวลา
นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวภาพรวมถึงธุรกิจกองทุนรวมในประเทศไทยว่า ในปีนี้เป็นปีที่ท้าทายพอสมควร สำหรับธุรกิจจัดการกองทุน เพราะเศรษฐกิจโลก ยังอยู่ในช่วงความผันผวน ขณะเดียวกัน ยังมีปัญหาโครงสร้างที่การขยายฐานผู้ถือหน่วยลงทุน เนื่องจากธุรกิจกองทุนรวมเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนมานานกว่า 30 ปีแล้ว แต่ประชาชนส่วนใหญ่ ยังเลือกฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์อยู่ ซึ่งผิดกับในต่างประเทศ ที่ประชาชนส่วนใหญ่ ออมเงินผ่านการลงทุนในหุ้นแลชะกองทุนรวมเป็นหลัก
โดยปัจจุบัน จำนวนบัญชีในธุรกิจกองทุนรวมมีเพียงล้านกว่าบัญชีเท่านั้น ทั้งๆ ที่เงินลงทุนขั้นต่ำในกองทุนรวมบางกอง 1,000 บาทก็สามารถลงทุนได้แล้ว ซึ่งฐานผู้ลงทุนที่ต่ำดังกล่าว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะไทยเองยังมีระบบคุ้มครองเงินฝากและประกันเงินฝาก ที่ขณะนี้ยึดออกไปอีก แต่ปัจจัยดังกล่าว ก็ไม่ใช่สาเหตุทั้งหมด
นางธาริษากล่าวว่า จากผลการสำรวจโดยสถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ของตลาดหลักทรัพย์ พบว่า ครึ่งหนึ่งของประชาชนที่มีรายได้ตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป ไม่รู้จักการลงทุนในกองทุนรวม และในจำนวนของคนที่รู้จัดเอง ก็มีอยู่ 1 ใน 8 เท่านั้น ที่ลงทุนในกองทุนรวม แต่ยังมีเรื่องดีที่ผลสำรวจระบุว่า คนที่ลงทุนแล้วจะมีการลงทุนต่อเนื่อง นอกจากนั้น ในแง่ของจุดขายผ่านสาขาของธนาคารพาณิชย์ ทำให้คนรับรู้อีกขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ ธนาคารส่วนใหญ่กฎทำอยู่แล้ว แต่ความท้าทายสำคัญ คือ ทำอย่างไรให้คนรู้จักแล้วมีการลงทุนในกองทุนรวมด้วย
"ประเด็นคือ ต้องให้ความรู้ความเข้าใจแก่นักลงทุน ซึ่งจะเป็นตัวช่วยให้ตลาดขยายได้มากขึ้น โดยการชี้ให้ผู้ลงทุนเห็นความสำคัญของการกระจายการลงทุนและเข้าใจผลตอบแทนกับความเสี่ยงว่า เป็นเรื่องที่มีมีความสัมพันธ์กัน"นางธาริษากล่าว
นอกจากนี้ ผลสำรวจยังบพบว่า นักลงทุนมองการลงทุนในกองทุนรวมให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับพันธบัตรรัฐบาลและประกันชีวิต แต่ให้ผลตอบแทนต่ำกว่าการลงทุนในที่ดินและทองคำ ในขณะที่ความเสี่ยงของกองทุนรวมมีสูงกว่า ซึ่งหากสามารถลดข้อจำกัดนี้ได้ และทำให้นักลงทุนเข้าใจมากขึ้น ในอนาคต จะสามารถยกระดับผู้ลงทุนได้ โดยเฉพาะการยกระดับมุมมองต่อผลตอบแทนและความเสี่ยงของการลงทุน ไม่ได้คาดหวังว่า การลงทุนจะต้องมีกำไรอย่างเดียวเท่านั้น
"การสร้างความเข้าใจในธุรกิจกองทุนรวม ไม่ควรแนะนำลูกค้าที่ไม่เข้าใจความเสี่ยงและไม่ลูกค้าที่ไม่พร้อมจะลงทุน หรือเป็นการทำเพื่อหวังผลระยะสั้นในการเพิ่มยอดขายเท่านั้น เพราะระยะยาว จะทำให้กระทบต่อธุรกิจได้"นางธาริษากล่าว
นางวรวรรณ ธาราภูมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง จำกัด ในฐานะนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (สมาคมบลจ.) กล่าวว่า เรื่องของการทำความเข้าใจต่อการลงทุนในกองทุนรวม ว่าความเสี่ยงกับผลตอบแทนนั้นมีความสัมพันธ์กัน เป็นเรื่องที่จำเป็นมาก เพราะปัจจุบัน ถึงแม้ว่าเงินลงทุนในกองทุนจะเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 20% ของระบบเงินฝาก แต่หากมองในแง่ของจำนวนบัญชีที่มีอยู่ในระดับใกล้เคียง 2 ล้านบัญชีในปัจจุบัน ยังถือว่าน้อยมาก คิดเป็น 2% ของประชากรทั้งประเทศ และคิดเป็น 5% ของแรงงานที่มีรายได้
ทั้งนี้ ปัญหาที่คนลงทุนในกองทุนรวมค่อนข้างน้อย คือ คนส่วนใหญ่ไม่คุ้นกับความเสี่ยง และรับความเสี่ยงไม่ได้ แต่เรื่องนี้ คงต้องใช้เวลาอีกสักระยะเพื่อเร่งสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับกองทุนรวมให้มากขึ้น
"นักลงทุนต้องเข้าใจว่า การลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยง แม้กระทั่งเงินฝากเอง ซึ่งเรื่องนี้ ในส่วนของสมาคม บลจ. เอง ก็พยายามเร่งทำความเข้าใจอย่างต่อเนื่อง ผ่านโครงการให้เงินทำงานผ่านกองทุนรวม ซึ่งในส่วนนี้ อาจจะทำได้ไม่ทั่วถึงมากนัก ดังนั้น บลจ.เองช่วยตัวเองด้วย"นางวรวรรณกล่าว
นายรพี สุจริตกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า การสร้างความเข้าใจเรื่องการลงทุน เป็นเรื่องที่ทุกคนควรจะทำ และต้องให้เขาเข้าใจความสมดุลระหว่างความปลอดภัยกับผลตอบแทนที่จะได้รับ ซึ่งหากสามารถทำให้นักลงทุนรู้จักความเสี่ยงได้มากเท่าไหร่ ก็จะมีผลดีมากเท่านั้น ทั้งนี้ ในส่วนของบลจ.กสิกรไทยเอง การให้ความรู้ด้านการเงินลงทุนการลงทุนแก้ลูกค้า เป็นบทบาทที่เราทำอยู่แล้ว โดยเฉพาะโครงการ เค-วีแพลนของเครือธนาคารกสิกรไทย
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|