ชิชากรุ๊ป เจ้าของปราสาทสวยเรื่องของคนหนุ่มกับความแปลกใหม่


นิตยสารผู้จัดการ( กุมภาพันธ์ 2531)



กลับสู่หน้าหลัก

ความโอ่อ่า หรูหราและแปลกใหม่เป็นจุดขายสำคัญจุดหนึ่งของบ้านจัดสรรเกรดสูง กรุงเทพฯในยุคที่คนไทยถูกปลุกเร้าให้ชื่นชมในเอกลักษณ์ของชาติจึงมีบ้านสไตล์ยุโรปที่ดูแปลกตาโผล่ขึ้นมาทั่วเมือง ทำให้เราได้รู้จักบ้านแบบบาวาเรียน สเปนกรีกและโรมัน และอีกไม่นานคนกรุงกระเป๋าหนัก ก็จะมีนิวาสถานรูปแบบใหม่เป็นทาวน์เฮ้าส์ที่มีรูปลักษณ์เป็นปราสาทอันพรั่งพร้อมด้วยค่าดูประตูหอรบและมีชื่อว่า ชิชา แคสเซิล จากความคิดของคนหนุ่มห้าคนที่ร่วมกันทำธุรกิจบ้านจัดสรรในนามของบริษัท ซีซี แคสเซิลหรือรู้จักกันว่ากลุ่มชิชา

ความแปลกใหม่ที่พร้อมด้วยคุณภาพเป็นสิ่งที่ผู้บริหารของชิชาคิดว่าจะทำให้ปราสาทหลังนี้ขายได้ โสรส พรทวีทัศน์ ประธานกลุ่มชิชากล่าวว่า "เราขายสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนเราได้สำรวจอย่างละเอียดและพบว่า มีคนอยู่ไม่น้อยที่ต้องมีบ้านที่มีรูปแบบไม่เหมือนใครเมื่อกลางปีที่แล้ว เราตระเวนไปตามประเทศต่างๆ ในยุโรปเพื่อดูบ้านแบบต่างๆ ที่เราเลือกมานี่เป็นปราสาทโบราณของอังกฤษ แล้วมาดัดแปลงตกแต่งให้เข้ากับเมืองไทย"

เสกชัย หงษ์ปาน กรรมการผู้จัดการบริษัทเล่าให้ฟังถึงเหตุผลที่ต้องเป็นปราสาทว่า "ปราสาทให้ความรู้สึกที่มั่นคงแข็งแรงดี นอกจากนั้นในช่วง 40-50 ปีที่ผ่านมานี่ ไม่มีใครสร้างปราสาทขึ้นมาใหม่ในโลกนี้เลย นี่เป็นความท้าทายอันหนึ่ง แม้จะไม่ใช่ปราสาทจริงๆ ผมคิดว่ายังมีคนสักจำนวนหนึ่งรวมทั้งผมและเพื่อนอีกหลายคนที่อยากจะอาศัยอยู่ในปราสาท แต่การที่จะสร้างปราสาทที่มีห้องเป็นสิบๆ หรือร้อยห้อง เพื่อที่จะอยู่เพียงคนหนึ่งหรือสองสามคนนี่มันเป็นไปไม่ได ้ เราก็เลยสร้างปราสาทหลังใหญ่ขึ้นมาหลังหนึ่ง แล้วแบ่งเป็นทาวน์เฮ้าส์ประมาณ 30 ยูนิตให้คนที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นเจ้าของปราสาทมาอยู่รวมกันที่นี่" ถึงแม้ว่าราคาต่อยูนิตต่ำที่สุดจะอยู่ในระดับเกือบ 4,000,000 บาท ในเนื้อที่เพียง 30 กว่าตารางวา แต่ขนาดของโครงการเพียง 30 ยูนิต ทำให้เจ้าของโครงการเชื่อว่าไม่ใช่เรื่องยากที่จะขายให้หมดเสกชัยบอกว่าตอนแรกก็คิดท่จะขายให้แต่เพื่อนๆ เพื่อจะได้มาอยู่ด้วยกัน แต่มีปัญหาในเรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับแบบและการตกแต่งประกอบกับมีผู้สนใจก็เลยเปิดขายให้กับบุคคลทั่วไปด้วย

แล้วก็มาถึงผู้อยู่เบื้องหลังหรืออัศวินที่รังสรรค์ปราสาทหลังที่ว่านี้ขึ้นมา

กลุ่มชิชา เป็นการรวมตัวกันของคนหนุ่มห้าคน

โสรส พรทวีทัศน์ อายุ 34 ปี

เสกชัย หงษ์ปาน อายุ 26 ปี

ธนากร เตลาน อายุ 25 ปี

ชาญ ศรีนคร อายุ 32 ปี และลัทธิ เลาหวิชัยรัตน์ 31 ปี

ทั้งหมดนี้ใช้ชีวิตอยู่ในอเมริกาคนละหลายๆ ปี และรู้จักมักคุ้นกันที่นั่น ในกลุ่มนี้มีเพียงธนากรเพียงคนเดียวที่จบปริญญาโททางด้านรัฐประศาสนศาสตร์ ส่วนคนอื่นนั้นไม่ได้มีปริญญาใดๆ พ่วงท้ายกลับมาด้วยนอกเหนือจากประสบการณ์ชีวิตและการทำงาน

โสรส ทำธุรกิจร้านอาหารส่วนชาญกับลัทธิร่วมกันใน REAL ESTATE BUSINESS ในรูปแบบการ TAKE OVER อพาร์ทเมนท์และคอนโดมีเนียม แล้วนำไปขายต่อหากำไร ทั้งสามคนนี้เป็นสมาชิกเริ่มแรกของกลุ่มชิชาหลังจากกลับมาเมืองไทยแล้ว จากประสบการณ์ของชาญและลัทธิ และพื้นเพทางครอบครัวของโสรสที่ทำธุรกิจค้าที่ดินมาก่อน ธุรกิจเริ่มแรกจึงเป็นการเก็งกำไรจากบ้านและที่ดินโดยการซื้อมาขายไป และการจัดสรรที่ดินเปล่าขายรวมทั้งการเก็งกำไรจากการซื้อขายทองและพืชผลการเกษตรเป็นครั้งคราวตามจังหวะและโอกาส ชาญเปิดเผยว่ารายได้จากการซื้อมาขายไปและการขายเฉพาะที่ดินไม่รวมสิ่งปลูกสร้างเป็นรายได้ที่งดงามมากพอที่จะทำให้เห็นผลประโยชน์ ซึ่งจะเพิ่มขึ้นถ้าหากขายทั้งบ้านและที่ดินรวมกันโครงการทักษิณวิลล่าซึ่งเป็นทาวน์เฮ้าส์จึงเกิดขึ้นในปี 2526 และตามมาด้วยโครงการชิชาคันทรีคลับ ซึ่งอยู่ที่บางขุนเทียน ขายบ้านสไตล์กรีกและโรมันในสภาพแวดล้อมแบบธรรมชาติ ที่มีมูลค่าการลงทุนร่วม 500 ล้านบาท เสกชัยและธนากรเพิ่งจะมาร่วมในโครงการชิชา แคสเซิลที่เริ่มเมื่อตอนกลางปีที่แล้ว โดยการตั้งบริษัทเพื่อดำเนินการขึ้นใหม่ด้วยทุนจดทะเบียน 7 ล้านบาท คือบริษัทชิชาแคสเซิลที่กล่าวถึง

"ประสบการณ์จากการทำธุรกิจในอเมริกาและความเป็นนักเก็งกำไรที่กล้าได้กล้าเสียทำให้พวกนี้กล้าที่จะเล่นกับของใหม่ๆ" เป็นความเห็นของแหล่งข่าวในวงการ

โสรสเองพูดถึงหลักในการทำธุรกิจของกลุ่มว่า "การทำธุรกิจของกลุ่มว่า "การทำธุรกิจเป็นศิลปะ เราถือว่าแพ้ชนะเป็นเรื่องธรรมดา คุณต้องรู้เสียก่อนว่าจะขายอะไรเหมือนร้านอาหาร ถ้าคนหิวก็ต้องซื้อกิน แต่จะกินอะไรละ คุณไปขายข้าวขาหมูในย่านคนมุสลิมคุณก็พัง เพราะฉะนั้นต้องรู้ก่อนว่าขายให้ใคร ขายอะไรและขายที่ไหน หลังจากนั้นก็เป็นเรื่องของจังหวะ การคาดคะเนอนาคต"

เมื่อถูกถามว่า ที่ทำโครงการใหญ่ๆ ได้เพราะว่ารวยหรือเก่งเขาตอบว่าทั้งสองอย่างประกอบกัน "ตอนแรกทางผู้ใหญ่ก็คอยช่วยเหลืออยู่ พอเห็นว่าไปได้ก็ถอยไปดูอยู่ห่างๆ แต่ถึงจะรวยอย่างไร ถ้าไม่มีความตั้งใจก็ไปไม่รอด"

ก็ไม่ทราบว่านี่คือสัจธรรมหรือเปล่า



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.