OGCกู้เงินอีก100-200ล.ซื้อเครื่องจักร ผลิตแก้วคริสตอลมาร์จินสูงอ่อยปีนี้รายได้หด


ผู้จัดการรายวัน(26 มีนาคม 2552)



กลับสู่หน้าหลัก

โอเชียนกลาส เล็งกู้เงิน 100-200 ล้านบาท ซื้อเครื่องจักรเพิ่มกำลังผลิตแก้วคริสตอลปลอดสารตะกั่ว ชี้มาร์จินสูง เจาะตลาดแถบเอเชียและขยายฐานรายได้ เผยกู้เงินเพิ่มทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนเพิ่มจาก 0.8 เท่าเป็น 1 เท่า ยอมรับปีนี้รายได้หด 10% จากปี 51 ที่มีรายได้ 1.83 พันล้านบาท เหตุพิษเศรษฐกิจทำให้ออเดอร์หาย พร้อมทำฟอร์เวิล์ดป้องกันค่าเงินผันผวน

นางศันสนีย์ สุภัทรวณิชย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเชียนกลาส จำกัด (มหาชน) หรือ OGC เปิดเผยว่าบริษัทฯ เตรียมทุ่มงบ 100-200 ล้านบาท ซื้อเครื่องจักรเพื่อต่อยอดกำลังการผลิตแก้วคริสตอลปลอดสารตะกั่ว (Crystalline Glass) อีกจำนวน 1 เครื่อง โดยแหล่งเงินทุนส่วนนี้จะมาจากวงเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ทั้งหมด หลังจากในปีที่ผ่านทาง OGC ได้ลงทุนในส่วนของโรงงานและเครื่องจักรไปแล้วจำนวน 990 ล้านบาท

ทั้งนี้ ภายหลังการกู้เงินจากแบงก์พาณิชย์ครั้งนี้ จะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ของ OGC เพิ่มเป็น 1.00 เท่า จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 0.82 เท่า ซึ่งถ้าหากทุกอย่างเป็นไปตามที่วางแผนไว้ คาดว่าโรงงานแห่งใหม่ของบริษัทจะสามารถผลิตสินค้าประเภท Crystalline Glassได้สูงสุดถึง 12-15 ล้านชิ้นต่อปี

สำหรับปี 52 บริษัทฯ ประเมินว่ารายได้น่าจะหดตัวประมาณ 10% จากปี 51 ที่มีรายได้อยู่ที่ 1.83 พันล้านบาท เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว จนมีผลให้คำสั่งซื้อขาย (ออร์เดอร์) จากลูกค้าลดลง อย่างไรก็ดี บริษัทได้เตรียมปรับลดกำลังการผลิตลง 10-20% เพื่อให้สอดคล้องกับยอดขายที่คาดว่าจะตกลงดังกล่าว และหันมาเพิ่มกำลังการผลิตตัวสินค้าประเภทแก้วคริสตอลที่ให้มาร์จิ้นสูงกว่าแก้วทั่วไป

10-20% อีกทั้งจะทำการตลาดโดยเจาะตลาดแถบเอเชียและขยายฐานรายได้ของบริษัทให้มากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้รายได้ตกต่ำลง และบริษัทได้ทำฟอร์เวิล์ด 50% ของยอดขายสินค้าที่คาดการณ์ไว้ในปีนี้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงของค่าเงินที่ผันผวน

อย่างไรก็ตาม แนวทางการบริหารบริษัทฯ ปีนี้จะอยู่บนพื้นการบริหารงานอย่างรอบคอบ เพื่อรักษาอัตรากำไรโดยมุ่งเน้นปรับปรุงกระบวนการภายใน สร้างภาพพจน์ตราสินค้าและเครื่อข่ายการตลาดอย่างต่อเนื่อง รวมถึงจะพยายามเน้นขายในตลาดเอเชียเป็นหลัก เพื่อทดแทนตลาดในยุโรปและสหรัฐฯ ที่เริ่มหดตัวตามภาวะเศรษฐกิจ ขณะที่สัดส่วนรายได้ของทางบริษัทในปัจจุบันนั้นจะแบ่งออกเป็น ตลาดในภูมิภาคเอเชีย อาทิ ประเทศจีน อินเดีย ออสเตรเลีย และไทย 80% ส่วนที่เหลือ 20% มาจากตลาดแถบยุโรปและสหรัฐอเมริกา

ส่วนผลการดำเนินปี 51 พบว่ามีกำไรสุทธิอยู่ที่ 95.98 ล้านบาท เทียบกับปี 50 ที่มีอัตรากำไรสุทธิที่ 134.39 ล้านบาท ลดลง 38.41 ล้านบาท หรือ 28.58% โดยรายได้หลักมาจากการขายสินค้าประเภทแก้วของบริษัท ขณะที่สาเหตุที่ผลการดำเนินงานลดลงมาจากค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการขายที่เพิ่มขึ้นและการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนอันเป็นผลมากจากความผัวผวนของค่าเงินบาท


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.