|
กรุงไทยจ้องทุ่มเงินซื้อหุ้นเคทีซี
ผู้จัดการรายวัน(24 มีนาคม 2552)
กลับสู่หน้าหลัก
แบงก์กรุงไทยยันสภาพคล่องเหลือพอซื้อหุ้นเพิ่มทุนเคทีซี แต่ยังไม่ได้พิจารณาว่าจะใช้สิทธิ์ซื้อเต็มจำนวนหรือไม่ ชี้เตรียมพิจารณาปรับเป้าสินเชื่อกลางปี หลังเศรษฐกิจชะลอตัวต่อเนื่อง ด้านแบงก์ไทยพาณิชย์คุย 3 เดือนแรกปล่อยสินเชื่อรายใหญ่ไปแล้ว 2-3 พันล้านบาท
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB และประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ธนาคารยังไม่ได้พิจารณาเกี่ยวกับเรื่องการใช้สิทธิ์ซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC ที่จะทำการออกจำนวน 773.5 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 10 บาท โดยจะเสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นทุกรายในอัตราส่วน 3 หุ้นที่ออกใหม่ต่อ 1 หุ้นเดิม แต่หากธนาคารจะใช้สิทธิ์ในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวเต็มจำนวนสิทธิ์ก็สามารถทำได้ โดยไม่กระทบต่อสภาพคล่องของธนาคาร เนื่องจากเม็ดเงินที่จะใช้ในการใช้สิทธิ์ซื้อหุ้นดังกล่าวนั้นเป็นจำนวนที่ไม่มาก หรือประมาณกว่า 3,000 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันธนาคารกรุงไทยถือเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ KTC โดย ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ธนาคารกรุงไทยมีการถือหุ้นของ KTC อยู่ในสัดส่วน 49.5%
นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า จากที่กระทรวงการคลังจะปรับประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ลงเป็นติดลบ 3 % นั้น ธนาคารจะยังไม่มีการปรับเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อลงตาม แต่จะรอพิจารณาอีกครั้งในช่วงกลางปี อย่างไรก็ตามได้ยอมรับว่าการที่จีดีพีติดลบนั้นจะส่งผลให้ผลประกอบการของธนาคารไม่ค่อยดี และจะทำให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ก็เป็นหน้าที่ของธนาคารที่จะต้องมีการบริหารจัดการไม่ให้เอ็นพีแอลเพิ่มสูงขึ้นจนมากเกินไป
ในส่วนของสมาคมธนาคารไทยก็ได้มีการหารือกันเกี่ยวกับระบบการป้องกันการเกิดเอ็นพีแอลและการให้ความช่วยเหลือลูกค้า ซึ่งในขณะนี้ทุกธนาคารก็ได้รับเรื่องที่จะดูแลลูกค้าของตนเองที่ประสบปัญหาให้สามารถผ่านพ้นวิกฤตนี้แล้ว
"เราจะรีวิวเรื่องเป้าหมายสินเชื่อประมาณกลางปี และเศรษฐกิจติดลบก็คงส่งผลต่อผลกระทบต่อผลประกอบการของแบงก์และเอ็นพีแอลก็จะเพิ่มซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่แบงก์ก็ต้องบริหารจัดการให้ไปได้ต่อไป และเอ็นพีแอลที่ขึ้นนั้นก็เป็นเพราะลูกค้าขายของไม่ได้ เมื่อขายไม่ได้เขาก็ไม่มีเงินจ่ายหนี้ ดังนั้นเราก็ต้องหาทางช่วยเหลือหรือช่วยหาลูกค้าให้เขาซื้อของกันบ้าง"
สำหรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ในภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัวนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ประเมินได้ยากว่าจะเป็นอย่างไร แต่ส่วนหนึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยนโยบายว่าจะไปในทิศทางไหน และหากมีการปรับลดอย่างต่อเนื่องแล้ว จะกระทบต่ออัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์ของธนาคารพาณิชย์ลดลงเหลือ 0% หรือไม่นั้นก็ถือเป็นเรื่องที่ประเมินได้ยากและยังไม่อยากออกความคิดเห็นในขณะนี้
นายศิริชัย สมบัติศิริ รองผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ 1 ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB กล่าวว่า ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ธนาคารมีการปล่อยสินเชื่อรายใหญ่สุทธิอยู่ที่ประมาณ 2-3 พันล้านบาท กระจายอยู่ในทุกกล่มอุตสาหกรรม โดยในช่วงเดือนมีนาคมนี้ตัวเลขการปล่อยสินเชื่อยังคงมีการเติบโตขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้จากตัวเลขที่กระทรวงการคลังคาดว่าจีดีพีปีนี้อาจจะติดลบ 3% นั้นก็ถือว่าเป็นไปในมุมมองเดียวกับนักวิเคราะห์ แต่ธนาคารไม่ได้มีความเป็นห่วงในเรื่องตัวเลขของการปล่อยสินเชื่อ เพราะในภาวะเช่นนี้ทำให้กลุ่มที่เคยกู้ต่างชาติหันมากู้ในประเทศมากขึ้น อีกทั้งธนาคารยังมีปล่อยกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจเข้ามาช่วยด้วย แต่จะมีความเป็นห่วงเรื่องเอ็นพีแอลมากกว่า ซึ่งมีผ่านมาก็มีลูกค้าเข้ามาเจรจาบ้างแล้ว แต่สัญญาณโดยรวมตอนนี้ยังไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วง
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|