|

เปิดแผน “ลีนะบรรจง” ปั้น EWC เทงบ 500 ล้านต่อยอดธุรกิจเก่า
ผู้จัดการรายสัปดาห์(20 มีนาคม 2552)
กลับสู่หน้าหลัก
เปิดแผนรุกอีสเทิร์นไวร์ใต้กำมือทีมบริหารใหม่ เร่งปูฐานสร้างความแกร่ง เตรียมงบ 500 ล้านบาทจับมือพันธมิตรขยายลงทุนต่อยอดธุรกิจเดิม ทั้งลวด-พลังงาน ปรับกลยุทธ์รุกตลาดงานราชการเพิ่ม รับมือเอกชนลงทุนหด
หลังจากที่เซียนหุ้นขาใหญ่นาม “ชนะชัย ลีนะบรรจง” เข้าไปผงาดเป็นประธานกรรมการของอีเอ็มซี บริษัทรับเหมารายกลางได้สำเร็จ พร้อมล้างบ้านปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ในปี 2550 เพื่อหวังพิสูจน์ฝีมือวิศวกรนักบริหาร และลบภาพมือปั่นหุ้นนักเก็งกำไรที่หลายคนปรามาส ในช่วงปลายปีชนะชัยก็รุกคืบต่อเนื่องจนเข้าไปถือหุ้นใหญ่ 7% ในอีสเทิร์นไวร์หรือ EWC ได้สำเร็จอีกแห่ง แต่คราวนี้ได้ส่งน้องชาย “วุฒิชัย ลีนะบรรจง” เข้าไปนั่งในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารแทน ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังจมดิ่ง ซึ่งน่าจะเป็นบทพิสูจน์ชั้นดีของคู่พี่น้องวิศวกรถึงฝีมือความเป็นนักบริหารว่าเป็น “ของจริง” หรือแค่ “ราคาคุย”
แบ็กกราวด์ของ EWC ที่เกี่ยวข้องกับวัสดุก่อสร้างและพลังงาน สามารถต่อยอดกับธุรกิจรับเหมาก่อสร้างได้ในอนาคตเป็นสิ่งที่ทำให้ชนะชัยสนใจ แม้วุฒิชัยจะออกตัวว่า “ตอนนี้มีแค่การพูดคุยเรื่องทิศทางราคาเหล็กเท่านั้น ทั้งสองบริษัทยังไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกันทางธุรกิจ” โดย EWC เป็นบริษัทโฮลดิ้ง ถือหุ้นใน 3 บริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท ระยองไวร์ อินดัสตรีส์ จำกัด (RWI) ถือหุ้น 99.99% ผลิตลวดเหล็กแรงดึงสูง และลวดเชื่อมไฟฟ้าในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด 2.บริษัท เอื้อวิทยา จำกัด (มหาชน) (UWC) ถือหุ้น 90.98% ผลิตโครงสร้างเหล็กสังกะสีสำหรับเสาไฟฟ้าแรงสูง เสาโทรคมนาคมและสถานีไฟฟ้าย่อย บริการชุบสังกะสี จำหน่ายผลิตภัณฑ์กำลังส่งคุณภาพสูง ลูกค้าส่วนใหญ่ คือ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ 3.บริษัท เอ็นเนซอล จำกัด (ENS) ถือหุ้น 80.08% ดำเนินงานโรงไฟฟ้าผลิตร่วม 2 วงจร ขายกระแสไฟฟ้าและพลังงานความร้อน (ท่อแก็ส) ให้โรงงานอุตสาหกรรม
หลังจากทีมบริหารใหม่เข้ามาบริหารงานในบริษัทเมื่อ 6 เดือนที่ผ่านมา มีการปรับกลยุทธ์ ปูพื้นฐานสร้างความแข็งแกร่งของบริษัท ทำให้ปี 2551 ที่เศรษฐกิจเริ่มหดตัวก็ยังสามารถรักษาการเติบโตของรายได้ โดยมีรายได้ 2,107 ล้านบาท และตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 2,250 ล้านบาท โดยจะมีการปรับกลยุทธ์ การขยายธุรกิจใหม่ เพื่อต่อยอดธุรกิจเดิม ภายใต้งบลงทุน 500 ล้านบาท เช่น RWI จะปรับกลยุทธ์ด้านการขาย เพิ่มทีมงาน เพื่อเจาะกลุ่มโครงการราชการมากขึ้น หลังจากงานภาคเอกชนหดตัวลง จากเดิมเน้นเฉพาะการขายปลีก หรือขายให้กับโรงงานผู้ผลิตเสาเข็ม พื้นสำเร็จรูป โดยจะปรับมาขายตรงกลุ่มผู้รับเหมาที่รับงานราชการเพิ่มขึ้น เป็นเตรียมพร้อมรองรับเมกะโปรเจกต์ในอนาคต ซึ่งในระยะหลังผู้รับเหมาจะใช้วิธีสั่งซื้อกับซัปพลายเออร์ผู้ผลิตวัตถุดิบโดยตรง เพื่อล็อคราคา ก่อนส่งวัตถุดิบให้โรงงานผลิตตามออร์เดอร์ โดยเป็นวิธีหนึ่งในการบริหารจัดการต้นทุนของผู้รับเหมา รวมทั้งอยู่ระหว่างศึกษาลู่ทางการลงทุนเพิ่ม เพื่อต่อยอดธุรกิจเดิม โดยสนใจจะเข้าไปลงทุนกับเจ้าของโรงงานขนาดเล็กที่ผลิตงานในกลุ่มเสาเข็ม พื้นสำเร็จรูป เชื่อมโลหะ ผลิตเหล็กโครงสร้าง เพื่อขยายธุรกิจให้ครบวงจร
ส่วน ENS มีแผนจะขยายฐานลูกค้าเพิ่มจากเดิมที่มีลูกค้าเพียงรายเดียว คือ โรงงานกระเบื้องโสสุโก้ จ.สระบุรี ในเครือซิเมนต์ไทย ซึ่งปีนี้ได้ลดกำลังการผลิตลงครึ่งหนึ่ง ทำให้ยอดขายของบริษัทฯ ลดลง คาดว่าน่าจะได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าใหม่เป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นพลังงานทางเลือกที่มีราคาต่ำกว่าทั่วไป 10% สอดคล้องกับปัจจุบันที่โรงงานต่างมีนโยบายเร่งลดต้นทุนการผลิต เพื่อความอยู่รอดในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|