Single Airport เพื่อใคร? ประเทศชาติหรือพวกพ้อง


ผู้จัดการรายสัปดาห์(23 มีนาคม 2552)



กลับสู่หน้าหลัก

*แฉเบื้องลึกย้ายการบินไทยกลับสุวรรณภูมิ พร้อมขยายสนามบินเฟส 2
*“โสภณ ซารัมย์” หักดิบนายกฯมาร์ค ลั่นบินไทยต้องย้ายกลับสุวรรณภูมิ 29 มี.ค.นี้
*กทม.จ้องฮุบขอใช้พื้นที่ Cargo สร้างรพ.200-500 เตียง

กลายเป็นความขัดแย้งใหญ่โตไปแล้วสำหรับการใช้สนามบินเดียว (Single Airport )หรือ 2 สนามบิน ระหว่างสหภาพรัฐวิสาหกิจการบินไทยกับผู้บริหารลามไปถึงระดับรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมที่หักหน้าอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้มีการทบทวนการย้ายกลับของสายการบินไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แต่กลับสั่งให้เดินหน้าย้ายสายการบินกลับภายในวันที่29 มี.ค.นี้ ตามมติฝ่ายบริหารการบินไทย

ทั้งนี้ การใช้สนามบินเดียวเป็นนโยบายมาตั้งแต่ก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิในสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องการให้มีความสะดวกในการเดินและเป็นศูนย์กลางทางการบินของภูมิภาคเอเชีย แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ

จนมาถึงรัฐบาลสุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่เร่งผลักดันให้เกิดการใช้สนามบินเดียว ซึ่งก็ประสบความสำเร็จในการผลักดันแต่ก็ใช้ได้แต่ 6 เดือน หลังจากนั้นก็ให้มีการย้ายสายการบินบางส่วนกลับมายังสนามบินดอนเมืองซึ่งหนึ่งในนั้นมีสายการบินไทยอยู่ด้วย สาเหตุที่รัฐบาลขิงแก่เปิดให้สายการบินกลับมาใช้สนามบินดอนเมือง เนื่องจากมีปัญหาเรื่องรันเวย์ร้าว และความแออัดของการจราจรทางการบิน จนมาถึงรัฐบาลนอมินี คือ รัฐบาลสมัคร สุนทรเวช กับรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งมีสันติ พร้อมพัฒน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในสมัยนั้น ก็มีการหารือแต่ไม่ได้กำหนดเป็นนโยบายที่ชัดเจน เรื่องก็เงียบหายไปอีกครั้ง

จนกระทั่งเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งอยู่ในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำและการบินไทยประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนัก ดังนั้นแผนการย้ายสายการบินกลับไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจึงมีการหยิบยกมาหารือกันอีกครั้ง โดยครั้งนี้โสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมซึ่งเป็นที่ทราบดีว่าเป็นร่างทรงของเนวิน ชิดชอบ และมีความสนิทชิดเชื้อกับลูกชายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชวรัตน์ ชาญวีรกูล เจ้าของบริษัทผู้รับเหมารายใหญ่ ซึ่งต้องการให้มีการขยายสนามบินเฟส 2 จึงเป็นที่จับตาว่าจะมีการเอื้อผลประโยชน์แก่พวกพ้องอีกหรือไม่

หลังจากเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการฯไม่นาน โสภณ แต่งตั้ง ศรีสุข จันทรางศุ เป็นประธานคณะกรรมการฟื้นฟูการบินไทย ท่วมกลางเสียงคัดค้านของพนักงานการบินไทย เพราะศรีสุข อยู่ระหว่างการตรวจสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริต(ปปช.) กรณีการจัดซื้อเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด(CTX) รวมถึงการคัดเลือกกลุ่มคิงเพาเวอร์ที่เข้ารับสัมปทานในสนามบินท่ามกลางข้อครหาและการตรวจสอบเรื่องการเอื้อประโยชน์ในการทำสัญญาโดยเลี่ยงพ.ร.บ.ร่วมทุน 2535 ในยุค สพรั่ง กัลยาณมิตร เป็นประธานบอร์ดทอท.รวมถึงมีความสนิทกับกลุ่มคิงเพาเวอร์เป็นอย่างมาก แต่โสภณ ก็ยังคงเดินหน้าแต่งตั้งให้เป็นประธานฯโดยไม่ฟังเสียงทักท้วง

โสภณ ยันย้ายกลับสุวรรณภูมิ

โสภณ กล่าวว่า วันที่ 29 มี.ค.นี้จะไม่มีเที่ยวบินภายในประเทศของการบินไทยให้บริการที่ดอนเมือง โดยย้ายสายการบินไทยมาทำการบินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตามนโยบายให้สุวรรณภูมิเป็นฮับของภูมิภาคเอเชีย และจากข้อมูลของฝ่ายบริหารการบินไทยระบุว่า หากมีการใช้ 2 สนามบิน การบินไทยจะมีต้นทุนสูงขึ้น 640 ล้านบาท ไม่รวมต้นทุนอื่น ๆ เช่น ค่าน้ำมัน และการใช้บุคลากรที่ไม่คุ้มค่า ขณะที่แต่ละเดือนมีรายได้จากค่าโดยสารจากเครื่องบินที่บินขึ้นลงที่ดอนเมืองเดือนละ 50 ล้านบาท หรือปีละ 600 ล้านบาท เห็นได้ชัดว่าหากยังให้บริการ 2 ที่ก็ทำให้การบินไทยมีปัญหาขาดทุน ส่วนที่เรื่องนายกรัฐมนตรีขอให้ทบทวนเรื่องการใช้นโยบายสนามบินเดียวนั้น คาดว่า 2 สัปดาห์จะนำข้อมูลไปชี้แจง แต่การย้ายเที่ยวบินจะต้องเกิดขึ้นตามกำหนดการดังกล่าวแน่นอน

ส่วนการก่อสร้างสนามบินระยะที่ 2 โสภณกล่าวว่า แผนการสร้างสนามบินเฟส 2 จะยังคงเดินหน้าต่อไปเพียงแต่จะลดขนาดโครงการลง เพื่อที่จะไม่เป็นการสร้างภาระมากจนเกินไป ซึ่งจะมีการก่อสร้างรันเวย์เส้นที่ 3 และอาคารผู้โดยสารในประเทศ ที่มีมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท จากเดิมที่ต้องใช้เงินลงทุนสูงถึง 80,000 ล้านบาท ใช้เวลาการก่อสร้าง 3 ปี

สหภาพบินไทยค้านย้ายสนามบิน

ด้านแจ่มศรี สุกโชติรัตน์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย กล่าวว่า สหภาพฯ ยืนยันที่จะคัดค้านการย้ายเที่ยวบินต่อไป แม้ว่าฝ่ายบริหารจะยืนยันเดินหน้าย้ายเที่ยวบิน เพราะวันนี้ความจริง 1 ข้อที่สังคมได้รับทราบคือ การย้ายเที่ยวบินในประเทศไม่ได้ช่วยให้การบินไทยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึง 600 ล้านบาท ตามที่ฝ่ายบริหารการบินไทยชี้แจงตลอดมา

ด้านกรมการขนส่งทางอากาศ(ขอ.) ได้ทำการศึกษาของการเปิดใช้สนามบินเดียวว่า สำหรับข้อดีของการใช้สนามบินเดียว คือ จะช่วยลดค่าใช่จ่ายของสายการบินได้ รวมถึงลดเวลาในการเดินทางและค่าใช่จ่ายในการบินต่อเที่ยวบินได้ ส่วนข้อเสียของการใช้หลายสนามบินคือ กรณีที่มีปริมาณการจราจรมากขึ้น โอกาสที่จะเกิดอุบัติการณ์หรืออุบัติเหตุย่อมมีสูงเช่นกัน เช่น เครื่องบินที่บินขึ้นจากสนามบินดอนเมืองต้องบังคับเลี้ยววนขวาทางเดียวซึ่งจะเกิดปัญหาต่อเที่ยวบินที่บินไปด้านตะวันออกจะต้องบินอ้อม ทำให้ทางสิ้นเปลืองเวลาและน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นการเพิ่มภาระให้แก่สายการบิน และทอท.เองอาจมีภาระค่าใช่จ่ายเพิ่มขึ้น เพราะต้องมีเจ้าหน้าที่ 2 จุดและจัดหาอุปกรณ์ในการอำนวยความปลอดภัยเพิ่มขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นการเพิ่มภาระค่าใช่จ่ายให้กับทอท.และไม่คุ้มทุนกับรายได้ซึ่งอาจส่งผลให้ทอท.ขาดทุนได้ในอนาคต

กทม.เล็งใช้ดอนเมืองเป็นรพ.คนชรา

กรุงเทพมหานคร(กทม.) ที่มีพ่อเมืองเป็นคนจากพรรคประชาธิปัตย์ มีแผนที่ขอใช้สนามบินดอนเมืองเป็นโรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร ขนาด 200–500 เตียง เพื่อให้บริการการรักษาพยาบาลแก่ประชาชนในกทม.เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเขตดอนเมืองและพื้นที่ใกล้เคียงที่ไม่มีโรงพยาบาลของราชการ โดยกทม.ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาการใช้ประโยชน์ในพื้นที่สนามบินดอนเมือง โดยเฉพาะพื้นที่ภายในอาคารผู้โดยสาร หรือพื้นที่คลังเก็บสินค้า (Cargo)

อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวอยู่ในระหว่างการศึกษา ต้องนำสถาปนิกลงสำรวจความเหมาะสมของพื้นที่ และประเมินงบประมาณการก่อสร้าง คาดว่าผลการศึกษาจะออกมาเป็นรูปธรรมภายในระยะเวลา 3 เดือน จากนั้นจะเสนอเรื่องไปยัง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เพื่อพิจารณาการใช้พื้นที่ต่อไป


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.