เซ็นเตอร์พ้อยท์ซุ่มเคเบิลทีวีทุ่ม800ล.ผุดสตูดิโอลดต้นทุน


ผู้จัดการรายวัน(17 มีนาคม 2552)



กลับสู่หน้าหลัก

เซ็นเตอร์พ้อยท์เล็งผุดเคเบิลทีวี ต่อยอดธุรกิจจากงานอีเวนต์ พร้อมทุ่มงบ 800 ล้านบาท สร้างสตูดิโอแห่งใหม่ หวังลดต้นทุนผลิตคอนเท้นตืบุกมีเดีย ด้านเซ็นเตอร์พ้อยท์ @ เซ็นทรัลเวิลด์ คาดเลื่อนระยะเวลาคืนทุน

นายพรนริศ ไชยสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินฟีนิตี้ มอลล์ จำกัด ผู้บริหารโครงการ เซ็นเตอร์พ้อยท์ @ เซ็นทรัลเวิลด์ เปิดเผยว่า เป้าหมายของเครือมีแผนจะลงทุนทางด้านทีวีดาวเทียมหรือเคเบิลทีวีในอนาคต โดยการนำเอาคอนเท้นต์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดภายในโครงการเซ็นเตอร์พ้อยท์ @ เซ็นทรัลเวิลด์ มาเป็นคอนเท้นต์ส่วนหนึ่ง เป็นการต่อยอดธุรกิจ

นายชยะบูรณ์ ชวนไชยสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซ็นเตอร์พ้อยท์ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด บริษัทในเครือที่ดูแลงานด้านการตลาดและสื่อกล่าวว่า บริษัทฯมี 5 ธุรกิจคือ 1.ออร์กาไนเซอร์ 2.โมเดลลิ่ง 3.โปรดักชั่นเฮาส์ 4.ไลท์แอนด์ซาวด์ และ 5. ประชาสัมพันธ์ ซึ่งขณะนี้บริษัทฯมีแผนที่จะลงทุนในธุรกิจเคเบิ้ลทีวี เพราะมองเห็นโอกาสทางการตลาด และคาดว่าตลาดรวมในสิ้นปีนี้จะมีมากกว่า 100 ช่อง

ทั้งนี้บริษัทฯตั้งงบประมาณไว้กว่า 300 ล้านบาท ในการซื้อที่ดินกว่า 11 ไร่ บริเวณซอยลาซาล และก่อสร้างสตูดิโอแห่งใหม่ แต่ขณะนี้คาดว่างบลงทุนเพิ่มขึ้นกว่า 40% เป็นประมาณ 800 ล้านบาท แล้วเพราะมูลค่าอุปกรณ์ที่มีราคาสูง เพราะต้องการทำให้มีความสมบูรณ์มากที่สุด

“สตูดิโอนี้จะทำให้เรามีความได้เปรียบในเรื่องของต้นทุนการถ่ายทำรายการหรือคอนเท้นต์ต่างๆ ทีจะนำมาป้อนในรายการช่องเคเบิลทีวีของเราได้ ซึ่งจะเป็นช่องบันเทิง นอกจากนั้นก็ยังเป็นแหล่งจัดคอนเสิร์ตขนาดย่อมสำหรับกลุ่มเฉพาะได้ด้วย”

นายชยะบูรณ์ กล่าวว่า เมื่อปีที่แล้วบริษัทเซ็นเตอร์พ้อยท์ฯมีรายได้ประมาณ 12 ล้านบาท แต่คาดว่าหลังจากที่มีสตูดิโอใหม่เปิดบริการในปีนี้ จะมีรายได้รวมเพิ่มเป็น 20 ล้านบาทต่อเดือน

นายพรนริศ กล่าวว่า โครงการเซ็นเตอร์พ้อยท์ @ เซ็นทรัลเวิลด์ จากเดิมที่คาดว่าจะสามารถคืนทุนภายในเวลา 5 ปี ด้วยงบลงทุนกว่า 1,200 ล้านบาท ภายในช่วงเวลา 10 ปีของการเช่าพื้นที่ อย่างไรก็ตามขณะนี้คาดว่าจะต้องเลื่อนการคืนทุนออกไปเป็นอย่างน้อย 6-7 ปีแล้ว เนื่องจากมูลค่าการลงทุนได้เพิ่มสูงขึ้น

ทั้งนี้ในช่วงเริ่มต้นได้ลงทุนไปแล้ว 150 ล้านบาท พัฒนาพื้นที่มากกว่า 10,000 ตารางเมตร ชั้น 7-8 ที่เซ็นทรัลเวิลด์ โดยจะใช้งบการตลาดประมาณ 6 - 10 ล้านบาททั้งปี รวมทั้งงบจากสปอนเซอร์ด้วย ส่วนรายได้หลักคาดว่าจะมาจาก การเช่าพื้นที่ประมาณ 60% ที่เหลืออีก 40% เป็นรายได้จากการจัดกิจกรรม คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 60-100 ล้านบาทต่อปี

“ก่อนหน้านี้ที่เปิดบริการมาอย่างไม่เป็นทางการเราก็ปรับกลยุทธ์มาตลอด เพราะการทำที่นี่จะมีความยากกว่าเซ็นเตอร์พ้อยท์ที่เดิมที่อยู่ข้างล่าง มันเปิดกว้าง คนจะเดินเข้ามาอยู่แล้วง่ายกว่า อันใหม่นี้อยู่ด้านบนของอาคาร เราต้องทำยังไงเพื่อดึงคนเข้ามาเดิน ซึ่งเราต้องจัดอีเวนต์ต่อเนื่องกว่า 300 งานต่อปี รวมทั้งการสร้างจุดเด่นให้กับโครงการ โดยปีนี้จะมุ่งเน้นเพื่อสร้างการรู้จักในกลุ่มเป้าหมาย มากกว่าการผลักดันยอดรายได้ เพราะภาวะเศรษฐกิจไม่ดี รวมทั้งการเปลี่ยนโลโก้ใหม่ด้วย” นายพรนริศกล่าว

โดยมีเป้าหมายให้เป็น ทีนเซ็นเตอร์แห่งใหม่ของไทยและภูมิภาคเอเชีย เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวสำหรับวัยรุ่นเอเซีย ภายในปี 2553 และจะขยายฐานลูกค้ากลุ่มเดิมจากวัยรุ่น 12-21 ปี เป็นกลุ่มเริ่มทำงาน 21-35 ปี คาดว่าจะมีลูกค้าเข้ามาเดินเฉลี่ย 5,000 คนต่อวัน และเพิ่มเป็น 20,000 คนต่อวันในสิ้นปีนี้

ส่วนพื้นที่ร้านค้านั้น ปัจจุบันมีเช่าแล้ว 80% ประมาณ 50 ร้าน้คา นอกนั้นอยู่ระหว่างการเจรจา ขณะที่แม็กเน็ตโครงการเช่น โรงละครรองรับ 576 ที่นั่ง รองรับได้ทั้งมินิคอนเสิร์ต ละครเวที การประชุมสัมมนา เป็นตน พื้นที่ไซบีเรีย เป็นพื้นที่เล่นเกมออนไลน์สูง 3 ชั้น


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.