เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัล คาดจะมีอัตราเติบโตยอดขายปี
2547 เพิ่มขึ้นจาก ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 20% ปีนี้จะมีอัตราเติบโต 30-40% จากปี 2545
ยอดขาย 3.6 พันล้านบาท ขณะที่บริษัทวางแผน 3 ปีข้างหน้า ลงทุนศูนย์การค้าเพิ่มอีกหมื่นล้านบาท
เนื่องจากมีรายการรับรู้รายได้ศูนย์การค้าเปิดใหม่สาขาพระราม 2 เต็มจำนวน และสาขาเซ็นทรัล
เวิลด์ หรือเวิลด์เทรด เซ็นเตอร์เดิม เริ่มทยอยรับรู้รายได้บางส่วน รวมทั้งช่วงครึ่งปีหลังจะรับรู้รายได้จากการเปิดสาขาเชียงใหม่เพิ่ม
นายกอบชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. เซ็นทรัล พัฒนา กล่าวว่าปีนี้บริษัทมีแผนจะซื้อกิจการศูนย์การค้าขนาดพื้นที่ประมาณ
3-5 หมื่นตารางเมตร ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่คุ้มค่าการลงทุน ซึ่งบริษัทต้องเป็นเจ้าของร่วม
ไม่ใช่จะบริหารเพียง อย่างเดียว
ปีนี้บริษัทมีแผนจะซื้อศูนย์การค้าประมาณ 1-2 ราย รายแรกที่เจรจาแล้ว อยู่ระหว่างตกลงขั้นสุดท้าย
ได้แก่ ศูนย์การค้า ที่ชลบุรี ซึ่งคาดว่าจะประกาศเป็นทางการได้ภายในเดือนนี้ อีก
แห่งอยู่ระหว่างสำรวจหาพื้นที่น่าสนใจ
เขากล่าวว่า บริษัทมีแผนจะเปลี่ยนแปลงสัดส่วนสัญญาเช่ารูปแบบคิดส่วนแบ่งจากยอดขายเพิ่มขึ้น
จาก 20% เป็น 40 % ปี 2548 การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะส่งผลบริษัทรายได้ เพิ่มขึ้นมาก
และต้องป้องกันความเสี่ยงจากการที่ยอดขายไม่แน่นอน ปี 2547 ตามสัญญา บริษัทต้องปรับขึ้นค่าเช่าเฉลี่ยทุกพื้นที่อีก
5% ปัจจุบัน ค่าเช่าเฉลี่ยพื้นที่ทุกตารางเมตรเฉลี่ย 1,000 บาทต่อตารางเมตร
สำหรับการถือหุ้นของตระกูลจิราธิวัฒน์ ระยะ 3 ปี จะยังไม่เปลี่ยนแปลงสัดส่วนลงทุนบริษัท
ส่วนจะเพิ่มทุนอีกหรือไม่ ขึ้นกับสถานการณ์เศรษฐกิจ และการลงทุนของบริษัทที่จะ
มีโครงการต้องใช้เงินมากหรือไม่ เบื้องต้นตระกูลจิราธิวัฒน์พอใจถือหุ้น 60% 3
ปีใช้หมื่นล้านบาท
ทางด้านนายนริศ เชยกลิ่น กรรมการ บริหาร บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่าแผนใช้เงิน
ลงทุนของบริษัทระยะ 3 ปี จะใช้เงินลงทุนประมาณ 1 หมื่นล้านบาท พัฒนาศูนย์การค้าโครงการต่างๆ
แผนใช้เงินบริษัทมั่นใจว่ากระแส เงินสดที่บริษัทมีปีละประมาณ 3 พันล้านบาท น่าจะเพียงพอ
แต่บริษัทเพิ่มทุนได้หากเงินลงทุนไม่เพียงพอ เนื่องจากหากเพิ่มทุน หลังเพิ่มทุนบริษัทมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน
0.8 เท่า แต่ระดับที่ฝ่ายบริหารบริษัทต้องการจะรักษาระดับ 1 เท่า ดังนั้น บริษัทสามารถจะกู้เงินจากสถาบันการเงินได้อีก
1.5 พันล้านบาท
อาจออกกองทุนรวมอสังหาฯ กอง 1 อีก 2 เดือน
รวมถึงบริษัทมีแผนจะตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์กอง 1 เพื่อเสนอขายนักลงทุนรายย่อยทั่วไป
ภายใน 1-2 เดือนนี้ มูลค่าขั้นต่ำ ที่จะเสนอขาย 5 พันล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่าง
ตัดสินใจว่าจะเสนอขายหรือไม่
อย่างไรก็ตาม บริษัทจะรักษาอัตราทำกำไร ขั้นต้นปีนี้ 49% จากครึ่งแรกปีนี้ ที่ลดลง
เนื่องจาก ปีนี้ บริษัทมีค่าใช้จ่าย และลงทุนเปิดศูนย์การค้า ใหม่ แต่ปีต่อๆ ไปอัตราทำกำไรขั้นต้นต้องปรับ
ตัวขึ้น เนื่องจากการลงทุนลดลง เชื่อว่าปีหน้า อัตราทำกำไรขั้นต่ำสุด 50%