อัญมณีไทยโตสุดรอบ6ปีดันสู่ศูนย์กลางตลาดโลก


ผู้จัดการรายวัน(3 กันยายน 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

ชมรมผู้ค้าอัญมณีและเครื่องประดับมาตรฐาน ชี้ปีนี้ตลาดอัญมณีไทยโต 30% สูงสุดในรอบ 6 ปี หลังจากวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ทำตลาดซบ ชมรมฯจับมือร่วมททท.เร่งจัดโรดโชว์ประชาสัมพันธ์ต่างประเทศ พร้อมเล็งขยาย ตลาดอัญมณีไปยังกลุ่มวัยรุ่น จีน ยุโรป และอเมริกา อนาคตดันไทยเป็นศูนย์ กลางการค้าทับทิม และไพลินสีน้ำเงินระดับโลก เร่งแก้ปัญหาหลอกลวงนักท่อง เที่ยว ตั้งเป้า 3 ปี โกยรายได้ในประเทศ 60,000 ล้านบาท

นายพรสิทธิ์ ศรีอรทัยกุล ประธานชมรมผู้ค้าอัญมณีและเครื่องประดับมาตรฐาน เปิดเผยว่าภาพรวมตลาดอัญมณีและเครื่องประดับในปีนี้มีแนวโน้ม ที่เติบโตสูงกว่าทุกปีที่ผ่านมา จากเดิมมีอัตราการเติบโตปีละประมาณ 10-15% คาดว่าในปีนี้สภาพตลาดจะเติบโตถึง 20-30% ถือเป็นอัตราการเติบโตสูงสุดในรอบ 6 ปี นับจากเกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจปี 2540 ที่เป็นเช่นนั้นเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจโดยรวมทั้งในประเทศและนอกประเทศอยู่ในภาวะที่ดีขึ้น

สำหรับแผนการทำตลาดในต่างประเทศ ชมรมฯ ได้วางแผนใช้กลยุทธ์การจัดโรดโชว์ โดยร่วมกับการ ท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และการจัดบูทแสดงสินค้าในประเทศที่เป็นตลาดหลัก อาทิ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งปัจจุบันทำสัดส่วนรายได้เข้าประเทศ ถึง 30% ญี่ปุ่น 18% ยุโรป 15% และอื่นๆ 37% จากมูลค่าการส่งออกพลอยและอัญมณีกว่า 30,000 ล้านบาท ในขณะที่มูลค่าการส่งออกโดยรวมกว่า 1 แสน ล้านบาท

พร้อมกันนี้ชมรมฯได้วางแผนกระตุ้นตลาด ด้วยการพัฒนารูปแบบของอัญมณีให้เป็นแฟชั่นมากขึ้น เพื่อขยายฐานกลุ่มเป้าหมายไปยังเด็กวัยรุ่น จากที่ผ่านมากลุ่มเป้าหมายหลักส่วนใหญ่ จะเป็นผู้ใหญ่ โดยได้เริ่มทดลองตลาดในญี่ปุ่นซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยในขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการวางแผนขยายตลาดอัญมณีให้เป็นแฟชั่นมากขึ้น เบื้องต้นจะขยายตลาดไปประเทศจีน สหรัฐอเมริกา และยุโรป

"สำหรับภาวะการแข่งขันอัญมณีในตลาดโลก ขณะนี้ถือว่าไทยเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงทาง ด้านอัญมณีเป็นอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งมีเพียงศรีลังกาประเทศเดียวเท่านั้นที่เป็นคู่แข่ง แต่ยังมีการพัฒนาทางด้านฝีมือรวมถึงความประณีตห่างไกลกว่าประเทศไทยอีกมาก จึงมั่นใจว่าหาก ไทยเร่งจัดกิจกรรมในตลาดต่างประเทศมากขึ้น จะสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศอีกมาก ส่วนเป้าหมายในอนาคต ทางชมรมฯจะร่วมกันผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าทับทิมและไพลิน สีน้ำเงินระดับโลก" นายพรสิทธิ์ กล่าว

กรณีที่สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นตลาดหลัก กำลังประสบภาวะทางเศรษฐกิจ ขณะนี้ทางชมรมฯได้วางแผนจะขยายตลาดไปยังประเทศจีน อินเดีย แอฟริกา สแกนดิเนเวีย รัสเซีย เพื่อรองรับแทนตลาดสหรัฐอเมริกาแล้ว จึงมั่นใจว่ารายได้ดังกล่าวจะไม่ลดลง

สำหรับแผนการทำตลาดในประเทศ ขณะนี้ทางชมรมฯ ได้เร่งจัดกิจกรรมอย่างหนัก เพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นตลาดอัญมณีอย่างต่อเนื่อง จากในปีที่ผ่านมาได้จัดโครงการส่งเสริมการ ขายทับทิม (Ruba Year 2002) ร่วมกับประเทศญี่ปุ่นสามารถกระตุ้นส่งผลให้การส่งออกทับทิมเจียระไนเพิ่มขึ้นถึง 60%

ล่าสุดชมรมฯจัดโครงการส่งเสริมการขายพลอยน้ำเงิน (Blue Sapphire) ภายใต้สโลแกน "สุดยอดพลอยน้ำเงินสุดยอดแห่งรัก" หรือ "Ultimate Blue Ultimate Love" ด้วยการประกวดพลอยสีน้ำเงิน แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ประเภทพลอยน้ำเงินขนาด 5-7 กะรัต พลอยประเภทขนาดฟรีไซส์ 10-200 กะรัต และ ประเภทพลอยน้ำเงินไทย ขนาด 5 กะรัตขึ้นไป ซึ่งจะตัดสินรอบสุดท้ายในงานแสดงสินค้า บางกอกเจมส์ ครั้งที่ 32 ในวันที่ 12 กันยายน 2546 เวลา 16.00-18.00 น. ที่ศูนย์แสดงสินค้านานาชาติอิมแพค เมืองทองธานี โดยคาดว่างาน ดังกล่าวจะกระตุ้นกำลังซื้อในตลาดได้ไม่แพ้ในปีที่ผ่านมา

พรัอมกันนี้ชมรมฯยังได้ร่วมมือกับภาครัฐบาล แก้ปัญหาการหลอกลวงนักท่องเที่ยวต่าง ประเทศซื้ออัญมณีปลอม ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ในขณะนี้ โดยคาดว่าหากภาครัฐและเอกชน ร่วมมือกันแก้ไขดังกล่าวได้ ภายในอีก 2-3 ปีข้างหน้านี้ ไทยจะมีรายได้จากการจำหน่ายอัญมณีถึง 60,000 ล้านบาท สำหรับในปีนี้ตั้งเป้าจะมีอัตราการ เติบโต 20-30% จากในปีที่ผ่านมามีรายได้เพียง 30,000 ล้านบาท



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.