"กฤษดามหานคร" เผยได้รับเงินจองซื้อหุ้นเพิ่ม
ทุนใหม่แล้ว 200 ล้านบาท หลังจัดสรรหุ้นให้กลุ่มทุนใหม่ 2 ราย "บลจ.กรุงไทย-กลุ่มนายชัยสิทธิ์
วิริยเมตตากุล" เตรียมทำหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯขอย้ายหุ้นกลับเข้าไปซื้อขายในหมวดอสังหาฯโดยทันที ย้ำกลุ่มทุนใหม่ถือหุ้น ยาว มีระยะเวลาห้ามขาย 1 ปี
นายรัชฎา กฤษดาธานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท
กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) (KMC) เปิดเผยว่าหลังจากบริษัท ได้เจรจาหาผู้ร่วมทุนรายใหม่พบว่า
นักลงทุนสนใจลงทุนมากกว่าวงเงิน ที่กำหนดไว้ 100 ล้านบาท โดยขณะนี้บริษัทได้รับเงินจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนรวม
200 ล้านบาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ดังนั้นบริษัทจะทำหนังสือแจ้ง ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
เพื่อรับทราบการได้รับเงินเพิ่มทุนครบทั้งจำนวนแล้ว และขอย้าย หุ้นกลับเข้าไปซื้อขายในหมวดอสังหาริมทรัพย์ปกติโดยทันที
นายรัชฎา กล่าวว่า บริษัทฯได้ ขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับบลจ.กรุงไทย
จำนวน 100 ล้านบาท และกลุ่มของ นายชัยสิทธิ์ วิริยเมตตากุล กรรมการบริหาร โรงพยาบาลวิภาวดี
และ กรรมการบริหาร บริษัท ไดนาสตี้เซรามิค จำกัด (มหาชน) อีก 100 ล้านบาท ซึ่งวัตถุประสงค์ของกลุ่มผู้ลงทุนใหม่ต้องการลงทุนระยะยาว
เนื่องจากเห็นศักยภาพการเติบโตแบบก้าวกระโดดในอนาคต รวมทั้งความสามารถในการทำกำไร
บริษัทได้เสนอขายให้ผู้ร่วมทุนดังกล่าวในราคาหุ้นละ
10 บาท โดยมีกำหนดระยะเวลาห้ามขาย (ไซเลนท์ พีเรียด) 1 ปี โดยบริษัทฯ จะดำเนินการออกหุ้นเพิ่มทุนใหม่จำนวน
20 ล้านหุ้น เพื่อรองรับการ ขายหุ้นดังกล่าว โดยเม็ดเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนครั้งนี้จะนำไปขยาย
ธุรกิจในอนาคต
แหล่งข่าวจากบริษัท กฤษดามหานคร กล่าวว่า บริษัทยังมีแนวทางล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่จำนวน
7 พันล้านบาท ให้หมดภายในปลาย ปีนี้ และในปีหน้าบริษัทจะเพิ่มทุนอีก 1 พันล้าน
บาท เพื่อใช้ขยายการลงทุนโครงการใหม่ๆ ขณะเดียวกัน ก็จะออกหุ้นกู้อีก 2-3 พันล้านบาท
ซึ่งจะเริ่มดำเนินการได้ในปีหน้า
โดยบริษัทมีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่ และเพิ่มรายได้อย่างน้อยเป็น
2 พันล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเติบโตขึ้นไม่ต่ำกว่า 30% ในปีหน้า และภายใน 3 ปีข้างหน้า
จะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาท โดยในช่วงไตรมาสสุดท้าย จะเปิดตัวโครงการใหม่
2 แห่ง ได้แก่ โครงการ ย่านพหลโยธิน-รังสิต พื้นที่ 100 ไร่ และโครงการ ย่านปิ่นเกล้า-พระราม
5 พื้นที่ 100 ไร่ คิดเป็น มูลค่ารวมทั้งสิ้น 3 พันล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทได้เป้ายอดขายในปีนี้รวม 2 พันล้านบาท
สูงกว่าปีก่อนที่มียอดขายเพียง 1.5 พันล้านบาท และในปี 2547 รายได้น่าจะเพิ่มขึ้น
เป็น 2.5 พันล้านบาท เพราะบริษัทตั้งเป้าเปิดตัว โครงการใหม่อย่างน้อย 4 แห่ง ได้แก่
1. โครงการ บริเวณถนนรัชดาภิเษก ด้านหน้าอาคารสำนัก งานกฤษดาฯ ซึ่งจะพัฒนาเป็นออฟฟิศ
และทาวน์ เฮาส์ในเมือง ราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป พื้นที่ 5 ไร่ 2. โครงการโฮม ออฟฟิศ
บริเวณถนนบางนา-ตราด กม.7 3. โครงการบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์ ตั้งอยู่ที่รังสิต-คลอง
4 และ 4. โครงการบริเวณถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรีฯใกล้พุทธมณฑลสาย 2 จะพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวหรูหรา
ราคา 10 ล้านบาท ขึ้นไป
ตลท.ไฟเขียวย้ายกลับอสังหาฯ
ส่วนการย้ายหมวดของบริษัทฯจากหมวดบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ระหว่างฟื้นฟูการดำเนินงาน
(REHABCO) ไปยังหมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์นั้นที่ผ่านมาบริษัทได้ยื่นคำขอให้ตลาดหลักทรัพย์พิจารณาผ่อนผันการย้าย
หลักทรัพย์ของบริษัทกลับสู่หมวดอสังหาริมทรัพย์ โดยขอให้พิจารณาดำเนินการเมื่อผู้ร่วมทุน
ได้จ่ายเงินจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนจำนวนไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาทก่อนที่บริษัทจะได้รับมติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น
ซึ่งจะมีการประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2546
ทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯได้พิจารณาคุณ สมบัติบริษัทตรงตามหลักเกณฑ์การย้ายกลับสู่หมวดปกติ
เว้นเรื่องกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 3 ไตรมาสติดต่อกัน ซึ่งบริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานติดต่อกัน
2 ไตรมาส จึงเห็นควรผ่อน ผันให้หลักทรัพย์ของ KMC ย้ายออกจากหมวด REHABCO กลับไปซื้อขายในหมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้เมื่อผู้ร่วมทุนใหม่ได้ชำระเงินจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน
โดยจะกำหนดวันที่จะย้ายหลักทรัพย์ของ KMC หลังจากที่บริษัทได้รายงาน ความคืบหน้าในการชำระเงินจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนต่อไป
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น KMC วานนี้ (2 ก.ย.) เปิดตลาดที่
15.50 บาท ปรับเพิ่มขึ้นจากวันก่อน 50 สตางค์ ทำให้มีแรงเทขายทำกำไรออก มา จนปิดตลาดต่ำสุดที่
14.50 บาท ก่อนจะมีแรงซื้อ ทำให้ราคาหุ้นขยับขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่จะ ปิดตลาดที่
14.60 บาท ลดลง 40 สตางค์ เปลี่ยนแปลง 2.67% มูลค่าการซื้อขายรวม 550.87 ล้านบาท