|

'บาฟส์'ปีนี้รายได้-กำไรหด เปิดทางบางจากเข้าถือหุ้น
ผู้จัดการรายวัน(12 มีนาคม 2552)
กลับสู่หน้าหลัก
บาฟส์ตั้งเป้าปีนี้ปริมาณการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานขยายตัว -2% ฉุดรายได้และกำไรหดจากปีก่อน ยอมรับแผนการบินไทยย้ายจากสนามบินดอนเมืองไปสุวรรณภูมิ กระทบบาฟส์เล็กน้อย เปิดช่องบาจากฯเป็นผู้ถือหุ้นใหม่ แต่ติดปัญหาปตท.แทงกั๊กคัดค้าน หลังให้การบินไทยซื้อน้ำมันตรงจากโรงกลั่นบางจากฯ เพื่อป้องกันความเสี่ยงการขาดสภาพคล่องของบินไทย
ม.ร.ว.ศุภดิศ ดิศกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)(BAFS) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯคาดว่าธุรกิจการบินจะฟื้นตัวจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลง ทำให้อัตราการเติบโตของปริมาณการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานปีนี้ลดลงจากปีก่อน 2% มีผลให้รายได้ลดลง 2% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,127 ล้านบาท ทำให้กำไรสุทธิปรับลดลงด้วย แต่จะไม่มีผลกระทบต่อการจ่ายเงินปันผลที่ยังคงนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 50%ของกำไรสุทธิ
“ บาฟส์ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วเมื่อปี 2551ที่มีอัตราการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยาน -6% โดยปีนี้มองว่าธุรกิจการบินเริ่มฟื้นตัว ทำให้การให้ปริมาณบริการเติมน้ำมันขยายตัว-2% โดยผ่านมาแล้ว 3เดือนพบว่าอัตราการให้บริการดีกว่าที่คาดไว้ หากไม่มีปัจจัยลบการเมืองก็น่าจะเป็นไปตามคาดหมาย”
ทั้งนี้ บริษัทฯได้ประมาณการอัตราการเติบโตของปริมาณน้ำมันที่ให้บริการในปีนี้ ในช่วงม.ค. 52 ติดลบ 14% เดือนก.พ.ติดลบ 18% และมี.ค.ติดลบ 14% และจะเพิ่มสูงขึ้นมากในเดือนพ.ย.และธ.ค. 52 มีอัตราการขยายตัว +24% และ +31% ทำให้ทั้งปีอัตราปริมาณการใช้น้ำมันโตเฉลี่ย - 2% แต่จากไตรมาสแรกปีนี้พบว่า ปริมาณการใช้น้ำมันอากาศยานปรับลดลงในอัตราใกล้เคียงที่คาดไว้ ทำให้ไตรมาส1/2552 อัตราการโตของปริมาณการใช้น้ำมันจะอยู่ที่ -14% โดยบาฟส์ยังคงรักษาส่วนแบ่งการตลาดของการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานไว้ไม่ต่ำกว่า 85%
ส่วนกรณีที่บริษัทการบินไทยจำกัด (มหาชน)จะย้ายจากสนามบินดอนเมืองกลับไปยังสนามบินสุวรรณภูมิในวันที่ 29 มี.ค.นี้ตามนโยบายสนามบินเดียว (Single Airport) ส่งผลกระทบต่อบาฟส์แต่ไม่มากนัก โดยบริษัทฯยังคงให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานให้การบินไทยที่สนามบินสุวรรณภูมิเช่นเดิม เพียงแต่จะลดปริมาณน้ำมันสำรองที่คลังดอนเมืองลง เพื่อให้เพียงพอต่อการให้บริการแก่สายการบินต้นทุนต่ำ 2ราย คือ นกแอร์และวันทูโกเท่านั้น แต่หากสายการบินต้นทุนต่ำต้องย้ายไป
สุวรรณภูมิในปลายปีนี้ ทางบริษัทฯก็จะปรับคลังน้ำมันที่ดอนเมืองจากให้บริการเติมน้ำมันมาเป็นให้เช่าคลังเพื่อสำรองดีเซลแก่ผู้ค้าน้ำมันแทน
อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่ารัฐควรให้สนามบินดอนเมืองเป็นสนามบินรองรับสายการบินในประเทศ และกรณีฉุกเฉินก็สามารถใช้สนามบินดอนเมืองได้ เนื่องจากมีปริมาณสำรองน้ำมันสูงถึง 40 ล้านลิตร ขณะที่สนามบินภูมิภาคอื่นๆมีสำรองน้ำมันไม่มาก
ม.ร.ว.ดิศกุล กล่าวต่อไปว่า บริษัทฯได้มีการปรับแผนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ 5ปี(2552-2556)ใหม่ โดยนำแผนบริหารความเสี่ยง (Risk Strategies)เข้ามารวมด้วย เนื่องจากมองว่าปีนี้จะเป็นปีที่แย่ต่อเนื่องจากปีที่แล้ว โดยมีการพิจารณาปัจจัยความเสี่ยงสูงสุดในปีนี้ 3ประเด็นคือ 1. วิกฤตเศรษฐกิจโลกทำให้สายการบินจัดตารางการบินมายังประเทศไทยลดลง กระทบต่อรายได้การให้บริการเติมน้ำมันของบาฟส์ บริษัทฯจึงต้องปิดความเสี่ยงโดยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น การปรับลดการลงทุนในปีนี้จากเดิม 60 ล้านบาทเหลือเพียง 15 ล้านบาท และในอีก 5ปีข้างหน้า ลงทุนไม่เกินปีละ 20 ล้านบาท และฝ่ายบริหารบริษัทฯปรับลดเงินเดือนลง 5-20%เป็นเวลา 1ปี เป็นต้น รวมทั้งจะรักษาสภาพคล่องไม่ให้ต่ำกว่า 100ล้านบาท ขณะเดียวกันก็เตรียมสำรองเงินกู้ฉุกเฉินไว้ 200 ล้านบาท หากปริมาณการให้บริการเติมน้ำมันต่ำกว่า 15%
2. ลดความเสี่ยงจากปัญหาขาดสภาพคล่องของลูกค้ารายใหญ่ คือ บมจ.การบินไทย โดยให้การบินไทยซื้อน้ำมันโดยตรงต่อบมจ.บางจาก ซึ่งเป็นผู้ค้าน้ำมันอากาศยานรายใหม่ ณ ราคาหน้าโรงกลั่น โดยบาฟส์ได้รับค่าจ้างการเติมน้ำมันอากาศยาน โดยบางจากจะเสียค่าพรีเมี่ยมสูงกว่าผู้ถือหุ้นบาฟส์ 50% เนื่องจากบางจากไม่ใช่ผู้ถือหุ้นบาฟส์
ดังนั้น บริษัทฯได้เสนอให้บางจากเข้ามาถือหุ้นบาฟส์สัดส่วน 2% โดยซื้อหุ้นในตลาดฯแทน โดยบางจากฯได้มีการเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่ออนุมัติ แต่เท่าที่ทราบบอร์ดฯบางจากยังไม่อนุมัติ เพราะปตท.ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่เห็นชอบ ทั้งๆที่ปตท.เองก็เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นบาฟส์เช่นเดียวกับบริษัทน้ำมันอื่นๆ
และ 3. นโยบายของรัฐในการบริษัท การบินไทย ย้ายจากดอนเมืองไปยังสุวรรณภูมิในวันที่ 29 มี.ค.นี้ โดยการย้ายสนามบินดอนเมืองทำให้บริษัทฯต้องปรับลดปริมาณสำรองน้ำมันในคลังลงจาก 40.5 ล้านลิตร เหลือ 12 ล้านลิตร เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการใช้ ขณะเดียวกันมองว่าการขยายสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 คงต้องใช้เวลาอีกนานไม่ต่ำกว่า 6-7ปี และบาฟส์จะไม่ลงทุนเองแต่จะให้บริษัทลูกเป็นผู้ลงทุน
“เดิมเราให้สิทธิ์เฉพาะผู้ถือหุ้นในการขายน้ำมันตรงสู่สายการบิน แต่เคสบางจากฯเป็นกรณียกเว้นที่ให้การบินไทยซื้อน้ำมันบางจากในราคาหน้าโรงกลั่น เพื่อปิดความเสี่ยงจากการขาดสภาพคล่องของบินไทย แต่บางจากต้องเสียพรีเมี่ยมสูงกว่าผู้ถือหุ้นรายอื่นๆด้วย จึงเสนอให้เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นบาฟส์เพื่อได้สิทธิ์ในการขายน้ำมันอากาศยานให้กับสายการบินอื่นๆ”
ผลการดำเนินงานงวดปี 2551 บาฟส์และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ 437.7 ล้านบาท ลดลง 19.4% โดยมีรายได้รวม 2127 ล้านบาท ลดลง 5.8% โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าบริการของบริษัทฯ เนื่องจากปริมาณน้ำมันที่ให้บริการในปี 2551 เท่ากับ 4312.8 ล้านลิตร ลดลง 6% เป็นผลจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่ซบเซาและปัญหาการเมืองในประเทศจากเหตุการณ์ปิดสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมืองเป็นเวลา 10 วัน ปัจจุบันบริษัทฯมีกระแสเงินสดประมาณ 400-500 ล้านบาท โดยปีนี้บาฟส์มีแผนชำระหนี้ประมาณ 250 ล้านบาทหากรวมบริษัทฯในเครือฯจะเพิ่มขึ้นเป็น 520 ล้านบาท
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|