อสังหาฯทรุดกระทบธุรกิจต่อเนื่องโจตันรับตลาดสีทาอาคารหดตัว20%


ผู้จัดการรายวัน(11 มีนาคม 2552)



กลับสู่หน้าหลัก

ตลาดสีหืดขึ้นคอหลังเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลธุรกิจเกี่ยวเนื่องทรุดตาม ส่วนตลาดสีทาอาคารทรุดหนักหดตัวกว่า 20% ด้าน“โจตัน”ปรับกลยุทธ์หวังพลิกฟื้นโต 5-10% ในปี 52 พร้อมเร่งออกผลิตภัณฑ์ใหม่ดึงยอดขาย ล่าสุดเปิดตัว “โจตาการ์ด” จับกลุ่มอุตสาหกรรมเรือ

นายอีริค มัลเลส กรรมการผู้จัดการ บริษัท โจตันไทย จำกัด เปิดเผยว่า นับจากไตรมาส4ปี51ตลาดสีทาอาคารปรับตัวลดลง ตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว อย่างไรก็ตามในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ตลาดรวมเริ่มปรับตัวดีขึ้น แต่การปรับตัวดังกล่าวยังไม่สามารถชีนำตลาดได้ทั้งปี เพราะปีนี้คาดการณ์ได้ยาก เนื่องจากมีปัจจัยลบหลายอย่าง แต่เชื่อว่าในช่วงไตรมาส 3- 4 จะปรับตัวดีขึ้น

โดยตลาดสีทาอาคารคาดว่าจะลดลงจากปี 51 ประมาณ 10-20% จากมูลค่าตลาดรวม 11,000 ล้านบาท โจตันมีส่วนแบ่งตลาด 13% ทั้งนี้คาดว่าอสังหาริมทรัพย์จะปรับตัวดีขึ้นในกลางปีหน้า เพราะเป็นอุตสาหกรรมที่มีการฟื้นตัวช้า ต้องอาศัยระยะเวลาของการพัฒนาโครงการ

ส่วนสีอุตสาหกรรมจะชะลอตัวตามภาคธุรกิจที่ไม่ขยายการลงทุน ร่วมถึงการซ่อมแซมเครื่องจักรและโรงงาน จากปัจจุบันมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 3,200 ล้านบาท โจตันมีส่วนแบ่งตลาด 27% อย่างไรก็ตามแม้ว่าอุตสาหกรรมจะชลอดตัว แต่ยังมีการลงทุนขนาดใหญ่ของบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตเลี่ยม จำกัด (มหาชน) เข้ามาช่วยเสริมทำให้ตลาดสีอุตสาหกรรมทรงตัวได้ในปีนี้

สำหรับสีที่ใช้ในอุตสาหกรรมเรือนั้นจะชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ ประมาณ 10% จากภาวะว่าจ้างส่งสินค้าลดลงทำให้เจ้าของเรือบางรายถึงต้องกับขายเรือทิ้ง ส่วนที่เป็นอู่ต่อเรือก็จะถูกยกเลิกหรือชะลอการต่อออกไปก่อน อย่างไรก็ตามในส่วนที่ยังดำเนินธุรกิจอยู่ตามกฎหมายจะต้องให้ทาสีเรืออยู่เสมอทำให้ตลาดดังกล่าวไม่ชะลอตัวไปมากนัก โดยในปีที่ผ่านมามูลค่าตลาดรวมของสีทาเรือมีประมาณ 1,000 ล้านบาท โจตันมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 36%

นายมัลเลส กล่าวต่อว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจทำให้ โจตันต้องทบทวนกลยุทธ์การตลาดใหม่ เพื่อให้สามารถรักษาส่วนแบ่งการตลาดให้ได้และให้สามารถมีอัตราการเติบโต 5-10% ในปีนี้ โดยจะเน้นการออกผลิตภัณฑ์สีใหม่ๆในทุกเซ็กเมนต์ และยังคงให้น้ำหนักไปที่สีทาอาคารเช่นเดิม เนื่องจากเป็นฐานลูกค้ากลุ่มใหญ่ พร้อมทั้งเพิ่มเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายเพื่อทำตลาดในพื้นที่ที่ยังไม่มีสินค้าของโจตันหรือมีน้อย

ล่าสุดออกผลิตภัณฑ์สี “โจตาการ์ด” เพื่อมาทดแทนสี โคลทาร์ อีพ๊อกซี่ (Coal tar epoxy) ที่บริษัทจะเลิกผลิต เพราะเป็นสีที่ต้องใช้ตามขั้นตอนการทาสีและใช้อย่างถูกวิธีเท่านั้น หากใช้ผิดวิธีจะทำให้เกิดอันตรายได้ นอกจากนี้ยังมีกลิ่นฉุน และแสบจมูก แสบตาขณะทา สีดังกล่าวจะใช้ในอุตสาหกรรมเรือและสีอุตสาหกรรม โดยในแต่ละปีโจตันจะมียอดขายจากสีดังกล่าวปีละ 150 ล้านบาท

สำหรับ โจตาการ์ด มีคุณสมบัติจะมีคุณสมบัติที่ดีกว่ามาก คือ 1.มีเนื้อสีมากกว่าโคลทาร์ อีพ๊อกซี่ 15% ทำให้ทาได้พื้นที่มากกว่าอย่างน้อย15% 2.ไม่มีกลิ่นฉุน แสบจมูก มีเพียงกลิ่นทินเนอร์เล็กน้อยเท่านั้นเหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไป และลดปริมาณสาร VOC ที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนได้ถึง 50% อย่างไรก็ตาม โจตาการ์ดจะมีราคาสูงกว่าโคลทาร์ อีพ๊อกซี่ ประมาณ15% หรือราคาขายปลีก 155-160 บาท/ลิตรแต่หากเทียบกับปริมาณพื้นที่ที่ทาได้มากกว่าแล้วจะมีราคาเท่ากัน


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.