ลาก่อน Montecatini
จริงๆ แล้ว จะว่าไปคนเรานี้จะเชื่อก็เชื่อ จะไม่เชื่อก็ไม่เชื่อเอาเสียเลย
อย่างกรณีน้ำแร่อมตะนี้ก็เหมือนกัน ในบรรดาคนที่ผมพามาส่วนมากจะเชื่อ พวกท่านเชื่อเพราะอะไร
(ก็ส่วนมากเป็นญาติ ผู้ใหญ่ผมทั้งนั้น ต้องใช้ท่านนะครับ) แล้วทำไมบางคนถึงไม่เชื่อไม่เชื่อเพราะอะไร
คนเราส่วนมากจะเชื่ออะไรที่สามารถพิสูจน์ได้ คำว่าพิสูจน์ ของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน
อะไรที่จับต้องและมองเห็นได้เป็นรูปธรรมส่วนมากจะมีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว แต่สำหรับคนที่ต้องการเหตุผล
ตัวเลขและวิทยาศาสตร์รองรับถึงจะเชื่อ ความเชื่อและความเห็นเป็นสิ่งที่วิเคราะห์ได้ยาก
เนื่องจากทุกคนก็มีแง่มุมของตัวเอง ยากที่จะเปลี่ยนความคิดเห็นยิ่งเกือบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนความเชื่อ
ในกรณีนี้ทำไมคนในคณะถึงได้เชื่อ ในความคิดเห็นส่วนตัว ของผมนั้นเป็นเพราะว่า
1. ทุกคนรู้จักรักและนับถือคุณยายวาด เมื่อคุณยายวาดพิสูจน์แล้วว่าดี ก็เหมือนกับว่าน้ำแร่อมตะ
ผ่านการคัดเลือก กลั่นกรองจากคุณยายวาดมาเรียบร้อยแล้ว เมื่อผู้ใหญ่ที่เชื่อถือได้และเรานับถือยังเห็นว่าเป็นสิ่งดี
ไยเราจะเห็นไม่ดีเล่า?
2. หลายคนเห็นคุณยายวาดก่อนที่จะมา Montecatini ครั้งแรกเมื่อหลายสิบปีมาแล้ว
เมื่อเปรียบเทียบกับตอนนี้ เหมือนคนละคน มีผู้ใหญ่ อายุ 87 ปีคนไหนที่ยังสาวใสอย่างนี้ได้อีก?
3. เมื่อได้พิสูจน์ด้วยตัวเองแล้ว ก็รู้สึกว่าสบายทางเดินอาหาร ขับถ่ายนั้นสะดวกแถมขับของเสียออกมาอีก
จึงทำให้คิดทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ทำให้เพิ่มหลักฐานและความเชื่อเข้าไปอีก
ในจำนวนคนที่มาด้วยนั้น มีผู้หนึ่งที่ไม่ค่อยเชื่อเอาเสียเลยคือ อาหมอไพ
ซึ่งอาหมอไม่ได้หวังจะมาดื่มน้ำแร่ แต่อยากมาพักผ่อนกับเพื่อนๆ ในบรรยากาศสบายๆ
อาหมอไพได้บอกกับผมตั้งแต่แรกแล้วว่า ไม่เชื่อ ในเรื่องนี้แต่อย่างใด แต่อยากจะลองดื่มน้ำแร่
เพื่อเป็นประสบการณ์จะได้นำไปเล่าสู่กันฟังเท่านั้น แต่หลังจาก ที่ได้ดื่มแล้วก็ได้เริ่มเชื่อขึ้นมาบ้าง
แต่ก็ยังมีความสงสัยอยู่เพราะว่าไม่มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มายืนยันได้
คนเรามีภูมิหลังที่ไม่เชื่อ โอกาสที่จะเชื่อจริงๆ ก็คงจะยาก มีเพื่อนสนิทอาหมอไพ
2 คน จากสวิตเซอร์ แลนด์มาเยี่ยมที่ Montecatini และพวกเราได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
เพื่อนอาหมอไพพูดอย่างหนักแน่นว่า ไม่เชื่อเรื่องน้ำแร่อมตะเนื่องจากเหตุผลที่ว่า
ตอนเด็กๆ เขาเคยทานน้ำเกลือผสมเป็นซองก็สามารถ ถ่ายได้เช่นนี้เหมือนกัน อีกอย่างที่สวิตเซอร์แลนด์บ่อน้ำแร่ต่างๆ
กระทรวงอนามัยจะรับรอง แต่ทำไมที่อิตาลีไม่มี ไม่มีการรับรองจากหน่ายงานใดไม่ว่าจากการแพทย์หรือทางวิทยาศาสตร์
แล้วจะให้เชื่อได้อย่างไร และเขาได้ตั้งข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่งว่า อาจจะเป็นเพราะ
คนอิตาลีค่อนข้างจะเป็นห่วงระบบขับถ่ายมากทีเดียว และอะไรที่คิดว่าจะทำให้ระบบขับถ่ายนั้นดีขึ้นก็มาทั้งนั้นแหละ
ฟังทัศนะของคนไม่เชื่อแล้ว ลองมาฟังคนที่เชื่อกันมั่งดีกว่า ซึ่งในคณะที่มาดื่มน้ำแร่ครั้งนี้นั้นส่วนมาก
จะรักสุขภาพกัน ผมได้มีโอกาสสนทนากับคุณอาสมภพ ซึ่งเป็นเจ้าของคลินิกชีวจิตแห่งหนึ่ง
ซึ่งคุณอาเป็นคนรอบรู้เรื่องสุขภาพแบบชีวจิตมาก และมักให้คำแนะนำเกี่ยวกับการรับประทานอาหารเสมอๆ
ซึ่งคุณอาสมภพเล่าว่า ครั้งนี้เป็นหนที่ 3 แล้ว รู้สึกว่าดีมาก เป็นวิธีทาง
ธรรมชาติ จากเหตุผลที่ว่า 1. การขับถ่ายได้ผลดี 2. ถ้า เปรียบเทียบกับยาถ่ายบ้านเรา
ยาถ่ายจะบีบลำไส้จนทำให้ถ่ายแต่สารพิษก็ยังคงตกค้างอยู่ ปกติต้องใช้เวลา
ถึง 6 ชั่วโมงถึงจะหมดฤทธิ์ยา หลังจากที่ถ่ายแล้วจะรู้สึกเหนื่อยหมดแรง ซึ่งตรงกันข้ามกับการดื่มน้ำแร่ที่นี่
ซึ่งได้เห็นได้รู้สึกว่าของเสียออกมาหมดสบายท้องและไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยแต่อย่างใด
และยังได้บรรยากาศร่มรื่น สงบ สวยงาม และได้ท่องเที่ยวในที่ต่างๆ ในอิตาลี
อีกด้วย (วันนั้นเราไป Pisa กันครับ ใกล้มาก นั่ง รถไฟไม่ถึงชั่วโมง)
อีกคนหนึ่งที่ค่อนข้างเชื่อน้ำแร่แห่งนี้มาก คือคุณแม่ผมเอง เนื่องจากท่านเป็นคนอ่านหนังสือมามาก
และได้ไปค้นข้อมูลมา ท่านได้ให้เหตุผลกับอาหมอไพว่า สาเหตุที่อิตาลีไม่มีกระทรวงรับรอง
หรือกรมอนามัยอนุญาต เพราะว่าอิตาลีนั้นมีนโยบายเปิดบ่อน้ำแร่ให้กับคนทุกชนชั้นได้เข้าไปดื่มได้
แตกต่างกับบ่อน้ำแร่ ที่สวิตเซอร์แลนด์ พอมีใบรับรองแล้วก็มักจะเก็บแพงๆ
จึงเป็นสถานที่สำหรับคนชั้นสูงเท่านั้น อีกอย่างถ้าที่นี่ไม่ดีจริง คนจะนิยมมาดื่มน้ำแร่ที่นี่
เป็นเวลาร้อยปีพันปี หรือ?
ครับ ก็คงแล้วแต่จะคิดกันนะครับ แต่สิ่งที่ผมเห็นก็คือ ทุกคนมีความสุข
เวลาขับถ่ายไม่ปวดท้อง สบายท้อง แถมอากาศก็ดี อาหารอร่อย แค่นี้ผมก็ว่าเพียงพอแล้วครับ
คุณย่าคุณยายผมก็มีอาการดีขึ้น กำลังใจเป็นสิ่งมีคุณค่าที่สุด ด้วยความเชื่อและกำลังใจ
ที่ดีผนวกกับน้ำแร่ที่ได้ผล ครอบครัวของผมและคณะฯ คงต้องย้อนกลับมาที่นี่อีกเป็นแน่
ลาก่อน Montecatini
อาจจะพบกันใหม่ปีหน้า