เพราะเป็นโรคเบาหวานขั้นร้ายแรง ทำให้สุธีร์ พันทอง ผู้ทำงานทางด้านจิวเวลรี่มานานเกือบ
20 ปี ต้องหันมาสนใจการออกกำลังกายอย่างจริงจัง
ในช่วงแรกเขาลองเล่นกีฬาหลายประเภท เพื่อให้ร่างกายซึ่งมีน้ำหนักถึง 71
กิโลกรัมดีขึ้น แต่ไม่ได้ผลเท่าที่ควร จนวันหนึ่งไปเห็นคนเล่นโยคะในสวนลุมพินี
จึงได้สนใจศึกษาและฝึกเล่นอย่างจริงจัง พบว่าร่างกายผอมลงและแข็งแรงขึ้น
จนในที่สุดได้กลายเป็นอาจารย์ที่สอนโยคะมาประมาณ 5 ปีแล้ว
ลูกศิษย์หลายคนของสุธีร์เป็นดาราและนักร้อง เช่น ธงไชย แมคอินไตย์ ทาทา
ยัง ญาญ่า หญิง รวมทั้งอดีตประธานศาลฎีกา ประมาณ ชันซื่อ ก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่เขาต้องแวะเวียนไปสอนโยคะให้ที่บ้านอย่างสม่ำเสมอ
โยคะเหมือนสินค้าชิ้นหนึ่งที่มีหลายยี่ห้อเพราะมีที่เรียนมากมาย แต่ละแห่งหลักสูตรการสอนอาจไม่เหมือนกันบางหลักสูตรเน้นการเคลื่อน
ไหวแบบช้าๆ บางหลักสูตรเน้นที่การออกกำลังกายเพื่อความแข็งแกร่งของร่างกาย
เช่น การกระโดด บางหลักสูตรเน้นที่การนั่งสมาธิ คนเรียนต้องทดลองหลายๆ แบบก่อนที่จะเลือกเรียนในแบบที่ชอบและพอใจเอง
สุธีร์เองได้รวบรวมท่าอาสนะต่างๆ จากโยคะหลายแนวที่ได้ฝึกมา เช่น Hatha,
lyengar, Vinyasa, Ashtanga แล้วนำเอาจุดเด่นของแนวทางเหล่านั้นมาเลือกสรร
ผสมผสาน และถ่ายทอดในรูปแบบของตนเอง ชุดการเคลื่อนไหวร่างกายในเวลา 1 ชั่วโมงของเขาจึงเป็นการเรียนรู้ทั้งปราณยมะ
(หลักการหายใจ) อาสนะ (หลักการวางท่าสรีระ) และหลักการทำสมาธิ ซึ่งจะทำให้ร่างกายและจิตใจแข็งแรง
นอกจากนี้หลักการสอนจะเน้นให้ความรู้ทางสรีรศาสตร์ คือ ท่าอาสนะต่างๆ ที่ช่วยปรับปรุงส่วนต่างๆของร่างกาย
เพราะท่าอาสนะทุกท่าเกี่ยวข้องกับต่อมต่างๆ ระบบหายใจ ระบบประสาท และอวัยวะทุกส่วน
"โยคะ ไม่ใช่แฟชั่นตามสมัยนิยม การฝึกโยคะต้องมีความต่อเนื่อง และผู้ฝึกต้องมีความอดทน
เพื่อให้ผลในระยะยาวต่อร่างกาย ต้องฝึกสม่ำเสมอ ร่างกายจะได้ค่อยๆ ปรับให้ยืดหยุ่นตามสภาพร่างกายของแต่ละคน"
สุธีร์อธิบาย
วันนี้น้ำหนักของเขาลดลงเหลือเพียง 54 กิโลกรัม และยังรับสอนตามบ้านอีกวันละ
5-6 ที่ ซึ่งคาดว่าต่อไปจะลดลงเพื่อเต็มที่กับโยคะสุตราให้มากขึ้น
สำหรับอายุของคนที่มาเล่นโยคะนั้นไม่จำกัด สามารถเล่นได้ทุกวัยตั้งแต่เด็กเล็กจนกระทั่งผู้สูงอายุมากกว่า
50 ปี และจากประสบการณ์ที่ผ่านมาเขาพบว่า ลูกค้าที่มาเล่นส่วนใหญ่มักจะมาจากผู้ที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ
เช่น ปวดหลัง ปวดเอว นอนไม่หลับ หรือบางคนอยากจะลดน้ำหนักซึ่งผลที่ได้ต่อเนื่องก็คือ
สุขภาพแข็งแรง ผิวพรรณดีขึ้น เพราะท่าที่เล่นส่วนใหญ่จะทำให้การไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น
ต่อมฮอร์โมนในร่างกายได้รับการกระตุ้น กล้ามเนื้อได้รับการฝึกให้ยืดหยุ่น
รวมทั้งผลในระยะยาวจะช่วยในเรื่องสมาธิที่ดีขึ้น เพราะเวลาฝึกทุกคนต้องเงียบ
และตั้งใจกำหนดลมหายใจเข้าออกไปพร้อมๆ กับการออกท่าทาง
ก่อนการเล่นจำเป็นอย่างยิ่งที่ควรให้ท้องว่างก่อนการฝึกประมาณ 2 ชั่วโมง
เพราะการทำท่าก้ม-เงย ถ้ารับประทานอาหารมาจะทำให้เกิดอาการอึดอัดไม่สบายท้อง
การฝึกสม่ำเสมอควรทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน
สำหรับผู้ที่ฝึกจนชำนาญสามารถเล่นได้ทั้งท่าง่ายๆ และท่าที่ยากขึ้น ที่สำคัญควรจะได้รับการฝึกอย่างสม่ำเสมอ
ไม่อย่างนั้นแล้วปัญหาที่เคยเกิดกับร่างกายอาจจะกลับมาได้อีก สุธีร์ย้ำอีกครั้งว่า
"ต้องทำให้ "โยคะ" เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตให้ได้ตลอดไป"