เรื่องเล่นที่ทำเงินของโยคะสุตรา

โดย อรวรรณ บัณฑิตกุล
นิตยสารผู้จัดการ( กันยายน 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

เดือนนี้แทนที่ "ผู้จัดการ" จะพาคุณผู้อ่านเข้าสปาทำทรีทเมนต์เหมือนเคย ลองเปลี่ยนไปทำความรู้จักการบริหารร่างกายแบบ "โยคะ" ศาสตร์ที่มากด้วยคุณค่ามานานกว่า 4,000 ปี โดยมีที่มาจากประเทศอินเดียกันบ้าง

ข่าวคราวที่ว่านักร้องชื่อดังของโลก มาดอนน่า หรือนางแบบชื่อดังหลายคนบนหน้าปกหนังสือ "Vogue" หรือแม้แต่ซูเปอร์สตาร์ของเมืองไทย ธงไชย แมคอินไตย์ ก็ล้วนแล้วแต่ให้สัมภาษณ์ว่ากำลังหลงใหลโยคะกันทั้งนั้น มีผลทำให้ "โยคะ" เป็นที่พูดถึงกันมากขึ้นในบ้านเราเมื่อประมาณ 4-5 ปีนี่เอง สถานที่สำหรับการฝึกสอนเลยเกิดขึ้นมากมายหลายแห่งในกรุงเทพฯ และเมื่อเดือนกรกฎาคม 2546 ที่ผ่านมา "โยคะสุตรา" ก็ได้เกิดขึ้น

ความแตกต่างของที่นี่คือ เป็นสถานที่เรียนโยคะอย่างเดียวโดยตรงแห่งแรกๆ ในเมืองไทยที่อยู่ในบิสซิเนส เซ็นเตอร์ บนพื้นที่ทั้งหมด 290 ตารางเมตร ชั้น 32 ของอาคารสาธรนครทาวเวอร์ บนถนนสาทร

ความคิดในการตั้งสถานที่เรียนแห่งนี้เกิดจากวิทยาและภัทราทิพย์ สินธราพรรณกร สองสามีภรรยาที่เป็นลูกศิษย์ของสุธีร์ พันทอง อาจารย์สอนโยคะคนหนึ่งที่มีชื่อเสียง ปัจจุบันเขายังเป็นผู้สอนโยคะให้กับธงไชย แมคอินไตย์ ดารานักร้องชื่อดังของเมืองไทย

ทั้งคู่ชื่นชอบโยคะอย่างจริงจัง และพบประโยชน์ของโยคะที่มีผลต่อร่างกายด้วยตัวเอง ดังนั้นหลังจากฝึกไปชั่วระยะหนึ่งจึงเกิดความคิดว่า น่าจะมีสถานที่ที่เป็นศูนย์กลางเปิดสอนอย่างจริงจัง เพื่อได้ให้คนอื่นได้รับประโยชน์จากการออกกำลังกายประเภทนี้บ้าง

"ผมเป็นผู้ชายที่เล่นกีฬากลางแจ้งมาตลอด ว่ายน้ำ ดำน้ำ ตอนแรกๆ เลยมีทัศนคติที่ไม่ค่อยดีกับโยคะที่ดูแล้วไม่น่าจะได้ออกกำลังหรือได้เหงื่ออะไรเลย แต่พอแฟนชวนก็ตามใจเขาหน่อย พอได้ลองเรียนกับอาจารย์สุธีร์แล้วติดใจ ได้เหงื่อไม่ต่างกันเลยกับกีฬาหนักๆ ที่สำคัญช่วยฝึกในเรื่องสมาธิได้มาก"

วิทยาเล่าถึงสาเหตุของการเข้ามาเรียน ส่วนภรรยาของเขานั้นเธอสนใจเล่นโยคะ และหาอ่านตำราเกี่ยวกับโยคะมานาน ลองเล่นมาก็หลายที่จนกระทั่งมาชอบวิธีการสอนของสุธีร์

ส่วนสุธีร์เองในแต่ละวันเขาก็วิ่งรอกสอนโยคะตามบ้าน และสถานออกกำลังกายต่างๆ อยู่ประมาณ 5-6 แห่ง ความสนใจที่จะมีโรงเรียนสอนอย่างจริงจังเพื่อให้ลูกค้ามาเรียนในที่เดียวกัน จึงเป็นเรื่องที่เขาคิดไว้อยู่แล้วแต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร

ทุกอย่างเริ่มต้นวางแผนอย่างรัดกุมเพื่อให้เป็นธุรกิจที่ยืนหยัดอยู่ได้ โชคดีทั้งวิทยาและ ภัทราทิพย์จบการศึกษามาด้านบริหารธุรกิจทั้งคู่ โดยเฉพาะวิทยานั้นงานหลักของเขาทำงานอยู่บริษัทในประเทศสิงคโปร์ เคยรับผิดชอบฝ่ายการตลาดมาก่อน ล่าสุดมาอยู่ฝ่ายกลยุทธ์ และวางแผน ดูช่องทางพัฒนาการลงทุนธุรกิจใหม่ๆ ในประเทศแถบอาเซียน การได้เดินทางบ่อยๆ ทำให้มีโอกาสที่ดีในการเรียนรู้ไลฟ์สไตล์ของคนในแต่ละประเทศ ได้ศึกษาความชอบ ไม่ชอบในตัวสินค้าแต่ละประเภท ทำให้เขาสามารถนำมาปรับกับธุรกิจของตนเองได้

"ตอนแรกผมมองไปที่ตัวสินค้าก่อน เราชัดเจนมากว่า โยคะเป็นสินค้าที่ดี เนื้อแท้ของมันยั่งยืนกว่าแฟชั่น มันมีช่องทางแน่นอน แต่เราจะทำอย่างไรให้คนได้มีโอกาสเข้ามาเล่น มาสัมผัส พร้อมกันนั้นเราก็ได้หาสถานที่ที่สะดวกในการเดินทาง ราคาต้องไม่แพง เพื่อให้คนทุกระดับรายได้เข้ามาเล่นได้ โดยมีโปรโมชั่นต่างๆ มาช่วย เช่น การให้เล่นฟรีครั้งแรกกับทุกคน รวมทั้งการลดราคาในแพ็กเกจต่างๆ" แบบสอบถามหลายพันชุดเพื่อยืนยันความคิดของตัวเอง ถูกแจกจ่ายไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในออฟฟิศต่างๆ ในย่านนั้น ซึ่งจากการสำรวจพบว่า มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นคน ซึ่งมีหลากหลายอาชีพ เช่น คนทำงานออฟฟิศ แม่บ้าน และคนที่ทำการค้า

คำถามต่างๆ ที่ทั้งคู่ช่วยกันออกแบบมา เช่น คิดอย่างไรกับโยคะ ถ้ามีที่ให้เล่นจะเล่นหรือเปล่า สะดวกเวลาไหน ราคาที่เหมาะสมเท่าไร ซึ่งผลตอบรับก็ยิ่งสร้างความมั่นใจมากขึ้น และจากข้อมูลที่ได้มายังสามารถกำหนดตารางเวลาในการเรียนได้ชัดเจน

ในช่วงแรกของการเปิดตัวโยคะสุตรา ได้จัดชั้นเรียนไว้แค่ 3 ช่วงเวลา คือบ่ายรอบหนึ่ง เย็นอีก 2 รอบ รอบหนึ่งรับคน ได้ประมาณ 35 คน แต่หลังจากนั้นอีกประมาณเดือนกว่าก็เพิ่มเวลาเรียนขึ้นอีก คือรอบเช้า 10 โมง และเที่ยง รวมเป็น 5 รอบต่อวัน โดยมีความคิดต่อว่าจะเพิ่มชั้นเรียนของเด็กเล็ก และคนมีครรภ์ในโอกาสต่อไป

สำหรับราคา Weekday Package เวลา 17.45-18.45 น. และเวลา 19.00-20.00 น. ราคา 2,700 บาทต่อเดือน เวลา 20.15-21.15 น. ราคา 2,500 บาทต่อเดือน Unlimited Weekly 3,000 บาทต่อเดือน ส่วนการเล่นคนเดียว ชั่วโมงละ 400 บาท

นับว่าเป็นการตอบรับที่ทั้งคู่พอใจ หัวใจสำคัญของโยคะสุตราขึ้นอยู่กับวิธีการสอน ซึ่งจะมีอาจารย์สุธีร์และลูกชายคืออาจารย์จีระศักดิ์ รวมทั้งวงจันทร์ อินทระพรรณ เป็นทีมงานรับผิดชอบหลัก ส่วนเรื่องจัดการหาลูกค้าเข้ามา การบริการลูกค้าต่างๆ เป็นหน้าที่สำคัญของวิทยา และภัทราทิพย์

คนกลุ่มนี้มีสัญญาเป็นทั้งหุ้นส่วนธุรกิจและสัญญาใจต่อกัน ในการที่จะร่วมกันผลักดันโยคะสุตราให้เป็นโมเดลธุรกิจที่เติบโตอย่างสมบูรณ์แบบต่อไป



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.