PFโอดต้นทุนภาษีเพิ่ม30% เล็งลดค่าใช้จ่ายรักษากำไร


ผู้จัดการรายวัน(5 มีนาคม 2552)



กลับสู่หน้าหลัก

“เพอร์เฟคฯ” โอดครวญหลังต้องจ่ายภาษี 30% หลังได้รับยกเว้นช่วงปรับโครงสร้างหนี้ หันลดต้นทุนหวังรักษาระดับกำไรขั้นต้น 32% เผยแผนปี 52 ผุด 4 โครงการใหม่มูลค่ารวม 7,326 ล้านบาท ตั้งเป้ารายได้ 8,000 ล้านบาท

นางสาวศิริรัตน์ วงศ์วัฒนา ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) (PF) กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทต้องกลับมาจ่ายภาษีจากการดำเนินธุรกิจ 30% เท่ากับผู้ประกอบการรายอื่นๆ เนื่องจากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาหลังจากที่ปรับโครงสร้างหนี้ บริษัทได้รับการยกเว้นจัดเก็บภาษีดังกล่าวมาโดยตลอด ทำให้ในปีนี้บริษัทจะมีต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากการจ่ายภาษีเพิ่ม 30%

ขณะที่ภาวะตลาดโดยรวมยังอยู่ในช่วงขาลง ดังนั้นในปีนี้บริษัทจึงต้องพยายามรักษาอัตรากำไรเบื้องต้นไว้ในระดับ 32% เท่ากับปีที่ผ่านมา ด้วยการลดต้นทุนด้านบริหารจัดการ และงบด้านการตลาดลงเหลือ 250 ล้านบาท จากปี 51 ใช้ไป 300 ล้านบาท รวมถึงการลดต้นทุนเงินกู้เพื่อลงทุนบางส่วน โดยจะหันมาออกหุ้นกู้เพื่อนำเงินมาใช้ในการซื้อที่ดิน และการดำเนินงานบางส่วนแทนการกู้ยืม

“ก่อนหน้าบริษัทได้ขออนุมัติบอร์ดบริหารเพื่อเปิดวงเงินการออกหุ้นกู้ไว้ 3,200 ล้านบาท ทำให้ในช่วง 3 ปีนี้ เพอร์เฟคฯสามารถออกหุ้นกู้ได้โดยไม่ต้องมีการขออนุมัติการบอร์ดบริหารอีก ตามแผนคาดว่าในปีนี้จะมีการออกหุ้นกู้ 2 ล็อต ล็อตแลก 500 ล้านบาท เพื่อใช้ในการดำเนินงาน ส่วนล็อตที่ 2 จะออกในเดือน ส.ค. จำนวน 200 ล้านบาทซึ่งจะใช้ในการซื้อที่ดิน”

นอกจากนี้ยังได้นำระบบการก่อสร้างแบบโครงสร้างสำเร็จรูปเข้ามาใช้ เพื่อลดต้นทุนและลดระยะเวลาในการก่อสร้าง ส่วนการปรับลดลงของราคาวัสดุก่อสร้างจะทำให้มีต้นทุนที่ต่ำลงซึ่งจะช่วยให้กำไรเบื้องต้นยังอยู่ในนเกณฑ์ที่ดีได้

นางสาวศิริรัตน์ กล่าวต่อว่า ในปีนี้บริษัทจะเปิดตัวโครงการใหม่ 4 โครงการมูลค่ารวม 7,326 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการบ้านเดี่ยวเพอร์เฟคเพลส ราชพฤกษ์ มูลค่า 1,964 ล้านบาท โครงการคอนโดมิเนียมเมโทรพาร์ค สาทร มูลค่า 1,272 ล้านบาท โครงการเพอร์เฟคเพลส รามคำแหง (เลคโซน) มูลค่า 820 ล้านบาท และโครงการเพอร์เฟค มาสเตอร์พีช พัฒนาการมูลค่า 3,270 ล้านบาท โดยตั้งงบซื้อที่ดิน 1,500 ล้านบาท ส่วนเงินลงทุนก่อสร้าง 3,500 ล้านบาท

ส่วนเป้าหมายการดำเนินงาน ปีนี้ตั้งเป้ายอดขาย 8,000 ล้านบาทเท่ากับปีที่ผ่านมา ส่วนยอดรับรู้รายได้ก็คาดว่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน ปัจจุบันมียอดขายรอรับรู้รายได้ในมือ 1,600-1,700 ล้านบาท รับรู้ในปีนี้ 1,200 ล้านบาท และมีสต็อกห้องชุดพร้อมโอนในโครงการเมโทรพาร์ค สาทรอีก 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังขายที่ดินจำนวน 400 ไร่ย่านแจ้งวัฒนะให้แก่ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มูลค่า 920 ล้านบาทโดยจะสามารถรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 3-4 ส่งผลให้ในขณะนี้บริษัทมียอดรายได้รอรับรู้อยู่ในมือแล้วกว่า 3,000 ล้านบาท

สำหรับในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมียอดขาย 1,040 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากการจัดแคมเปญลดราคาและการมอบส่วนลดให้แก่ลูกค้า รวมถึงการนำส่วนลดด้านภาษีที่ได้รับจากมาตรการกระตุ้นอสังหาฯของรัฐบาลมาเป็นส่วนลดให้แก่ลูกค้าทั้งหมดด้วย


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.