|
ฝุ่นทรายเหลือง
โดย
ภก.ดร. ชุมพล ธีรลดานนท์
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา( มีนาคม 2552)
กลับสู่หน้าหลัก
บ่อยครั้งที่มีการพูดถึงปัญหาภาวะโลกร้อน รวมถึงแนวทางแก้ไขที่จำต้องอาศัยความร่วมมือจากนานาชาติ โดยเฉพาะประเทศที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมากและยังไม่มีมาตรการควบคุมที่มีประสิทธิภาพดีพอ
ในขณะที่ประเด็นหัวข้อ "ฝุ่นทรายเหลือง" กลับถูกประเมินให้เป็นเพียงปัญหาระดับภูมิภาคและหลบเลี่ยงในการถกแถลงร่วมกันอย่างจริงจังมาเป็นเวลาช้านาน โดยกล่าวอ้างให้เป็นเรื่องของปรากฏการณ์ธรรมชาติ ทั้งๆ ที่สามารถดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไปพร้อมกับการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนได้
หลายปีที่ผ่านมาฝุ่นทรายเหลือง (ในภาษาอังกฤษ เรียกว่า Yellow Dust หรือ Yellow Sand ส่วนในภาษาญี่ปุ่นใช้คำว่า อ่านว่า Kousa) กำลังกลายเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศในแถบเอเชียตะวันออก เกิดจากฝุ่นทรายขนาดเล็กจำนวนมหาศาลที่ถูกพัดพามาจากทะเลทรายในประเทศจีนไปทางตะวันออก ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
กระแสลมแรงรวมไปถึงพายุทะเลทรายที่โหมกระหน่ำทะเลทรายทากลามากันในภาคตะวันตกของจีน และทะเลทรายโกบีในทางตอนใต้ของเขตปกครองตนเองมองโกเลียต่อกับตอนกลางของจีน สมทบกับลมกรรโชกในเขตราบสูงหวงถู่ได้หอบพัดเอาฝุ่นทรายที่มีอนุภาคเล็กขนาดไมครอน* ลอยขึ้นบนท้องฟ้า ซึ่งมองเห็นได้ราวกับม่านหมอกสีเหลืองขนาดใหญ่ อันที่จริงแล้วมีการค้นพบหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรในประเทศจีนซึ่งระบุถึงปรากฏการณ์ฝนโคลนตกลงมาในราว 1,150 ปีก่อนคริสต์ศักราช นอกจากนี้บันทึกเมื่อปี ค.ศ.1477 ในสมัยเอโดะก็เคยรายงานเกี่ยวกับหิมะสีเหลืองซึ่งตกในประเทศญี่ปุ่นเช่นกัน
กระนั้นก็ตาม ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา อุบัติการณ์ของฝุ่นทรายเหลืองทวีความถี่และความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากสภาวะโลกร้อนเป็นสาเหตุหลักทำให้แผ่นน้ำแข็งที่เคยปกคลุมผิวทรายนั้นละลายไปและผลกระทบจากการขยายตัวของทะเลทรายอันแห้งแล้ง ยิ่งไปกว่านั้นในระยะหลังนี้สิ่งที่แฝงมากับฝุ่นทรายเหลืองนั้นเป็นอันตรายเกินกว่าจะมองข้ามไปได้ เพราะทิศทางของกระแสลมที่หอบอนุภาคเล็กๆ ของฝุ่นทรายเหลืองมานั้นได้ผ่านเขตเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมของประเทศจีน ซึ่งพัดพาข้ามทะเลมาตกในเกาหลีและญี่ปุ่น อีกทั้งมีรายงานว่าฝุ่นทรายเหลืองนี้สามารถปลิวข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกไปไกลถึงฝั่งตะวันตกของทวีปอเมริกา ลำพังฝุ่นทรายเหลืองอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้เกิดโรคตาและโรคของระบบทางเดินหายใจเรื้อรังได้ แต่เมื่อเร็วๆ นี้ผลการวิเคราะห์ฝุ่นทรายเหลืองที่สุ่มเก็บตัวอย่างในญี่ปุ่นยังพบยาฆ่าแมลงหลายชนิด สารประกอบของโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว ปรอท แคดเมียม สารก่อมะเร็งและเถ้าถ่านจากการเผาไหม้ของโรงงานอุตสาหกรรม สารประกอบซัลเฟอร์ซึ่งทำให้เกิดฝนกรด นอกจากนี้ยังพบไวรัสและแบคทีเรียสายพันธุ์ที่ไม่มีในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย
ข้อเท็จจริงดังกล่าวส่งผลกระทบโดยตรงต่อทัศนวิสัยในการขับขี่ยวดยานและทัศนียภาพของเมือง ขณะเดียวกันก็เป็นสาเหตุของปัญหาสุขภาพเช่น โรคภูมิแพ้ในเด็กเล็ก การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจแบบเฉียบพลัน รวมทั้งโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งในประชากรวัยทำงาน เป็นต้น
ดังนั้นกิจกรรมกลางแจ้งในฤดูใบไม้ผลิอาจถูกยกเลิกไปอย่างช่วยไม่ได้ในวันที่พยากรณ์อากาศรายงานความหนาแน่นของปริมาณฝุ่นทรายเหลืองที่มากเกินกำหนดซึ่งในกรณีของประเทศเกาหลีใต้นั้นอาจถึงขั้นประกาศหยุดเรียน
ทั้งนี้ยังเกี่ยวโยงไปถึงความสูญเสียทางเศรษฐกิจในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ, ค่าซักเสื้อผ้าเนื่องจากอนุภาคขนาดเล็กของฝุ่นทรายเหลืองที่ฝังตัวในเนื้อผ้าไม่สามารถกำจัดได้หมดด้วยเครื่องซักผ้าทั่วไป, ค่าทำความสะอาดอาคารและยานพาหนะ** รวมไปถึงความเสียหายในการยกเลิกเที่ยวบิน ฯลฯ
นอกจากนี้ฝุ่นทรายเหลืองยังส่งผลต่อสมดุลของระบบนิเวศและห่วงโซ่อาหาร ลดผลิตผลทางการเกษตร หากรวมตัวกับฝนที่ตกลงสู่ทะเลก็เป็นอันตรายต่อสัตว์น้ำและปะการังในระยะยาว
แม้ในขณะนี้ผลกระทบจากฝุ่นทรายเหลืองในประเทศญี่ปุ่นยังไม่รุนแรงหากเทียบกับประเทศเกาหลีใต้หรือประเทศจีนก็ตาม การวางมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นทรายเหลืองร่วมกันมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนซึ่งดำเนินการผ่านนโยบายในระดับรัฐต่อรัฐ การช่วยเหลือของ NGO การวิจัยในมหาวิทยาลัยจนถึงความร่วมมือจากประชาชนในทุกประเทศที่เกี่ยวข้อง
ในทางปฏิบัติแล้วดูเหมือนจะไม่มีอะไรคืบหน้าเท่าที่ควรโดยเฉพาะวิสัยทัศน์ของรัฐต่อปัญหาดังกล่าวด้วยเหตุผลในลักษณะเดียวกันกับการบอกปัดการควบคุมปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่ปล่อยสู่บรรยากาศเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ที่ว่า "เป็นประเทศกำลังพัฒนา" กอปรกับทัศนคติที่มองว่า "ฝุ่นทรายเหลืองเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่อดีตกาลและเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้"
กระนั้น การปลูกป่าเพิ่มเติมเพื่อลดปริมาณของฝุ่นทรายเหลือง นับเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ปลายเหตุอย่างง่ายๆ ซึ่งรัฐบาลเกาหลีใต้ได้บริจาคต้นไม้จำนวนหนึ่งไปให้ หากแต่ต้นไม้ดังกล่าวถูกนำไปปลูก ตามแนวทางด่วนสายหนึ่งแทนที่จะกลายเป็นป่า
อีกตัวอย่างหนึ่งที่บ่งบอกบริบทที่กล่าวถึงได้ชัดแจนคือความพยายามที่ล้มเหลวของรัฐบาลญี่ปุ่นในการเจรจาให้ช่วยเหลือด้านเทคโนโลยีเพื่อลดการขยายตัวของทะเลทราย
ในขณะเดียวกัน ปัจจุบันมีองค์กร NGO หลายองค์กรและกลุ่มวิจัยจากมหาวิทยาลัยของญี่ปุ่นกระจายกำลังสู่ภาคสนามหลายจุดในพื้นที่ที่เป็นสาเหตุของปัญหาฝุ่นทรายเหลือง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพลิกฟื้นผืนทรายให้กลับเป็นสีเขียวอีกครั้งด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งหลายโครงการได้รับความร่วมมือและร่วมแรงจากประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างดี
หากเปรียบประเทศเป็นบ้าน การขอร้องเพื่อนบ้านด้วยปิยวาจาหรือตักเตือนผ่านบุคคลที่สาม เช่น เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นนั้น ซึ่งหากไม่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องแล้วสุดท้ายอาจนำไปสู่การตัดสินใจย้ายบ้าน แต่ในความเป็นจริงนั้นไม่สามารถเคลื่อนย้ายประเทศให้ไกลออกไปได้ดังนั้นความพยายามร่วมกันแก้ปัญหาทั้งทางตรงและทางอ้อมเป็นสิ่งที่พึงกระทำ
เพราะหากไม่เช่นนั้นแล้วในอนาคตคนญี่ปุ่นอาจจะต้องนั่งชมดอกซากุระผ่านทีวีจอยักษ์อยู่ในบ้านแทนการออกไปสังสรรค์ใต้ต้นซากุระในวันฟ้าใสของฤดูใบไม้ผลิก็เป็นได้
หมายเหตุ
* 1,000 ไมครอน เท่ากับ 1 มิลลิเมตร
** การชำระล้างฝุ่นทรายเหลืองออกจากเครื่องบินจัมโบเจ็ต 1 ลำ ต้องใช้น้ำ 24,000 ลิตร และใช้เวลานานกว่า 6 ชั่วโมง
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|