|
PSLโอดพิษศก.ฉุดผลงานอีก2ปี จุฑานาวีตั้งเป้ารายได้ไว้ที่800ล.
ผู้จัดการรายวัน(4 มีนาคม 2552)
กลับสู่หน้าหลัก
พรีเชียส ชิพปิ้ง เผยปี 52 อัตราค่าระวางเรือปรับลด 12-14 % อยู่ที่ 14,000 เหรียญฯต่อลำต่อวัน ผลจากพิษเศรษฐกิจและปัญหาการเงิน เชื่อกระทบการดำเนินงานไปอีก1-2ปี เร่งคุมต้นทุนยุคน้ำมันแพง ด้าน จุฑานาวี ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 800 ล้านบาท โตต่อเนื่องจากปี51 เชื่อความต้องการใช้เรือขนาดเล็กมีมากกว่าเรือใหญ่ และสินค้าที่ขนส่งเป็นอุปโภค บริโภคที่คนต้องกินและใช้ต่อเนื่อง
นายคาลิด มอยนูดดิน ฮาชิม กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) (PSL) เปิดเผยว่า อัตราค่าระวางเรือในปี52 มีเกณฑ์ปรับลดลงถึง 12-14 % โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1.4 หมื่นเหรียญสหรัฐต่อลำต่อวัน ซึ่งลดลงจากปีก่อนที่มีอัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยอยู่ที่ 1.6 หมื่นเหรียญสหรัฐต่อลำต่อวัน ผลกระทบจากพิษเศรษฐกิจซบและปัญหาการเงินลามทั่วโลก ซึ่งจะส่งผลต่อการดำเนินงานของบริษัทไปอีก 1-2 ปี
อย่างไรก็ดี บริษัทได้ทำสัญญาเช่าเรือระยะยาวถึง 60% โดยมีค่าระวางเรือที่ 15,087 เหรียญสหรัฐต่อลำต่อวันและ 40 % ที่ไม่ได้ผูกอยู่ในสัญญาจะเกิดการผันผวนตามดัชนีค่าระวางเรือ (BDI) จึงปรับลดอัตราค่าระวางเรือปีนี้มาอยู่ที่ 1.4 หมื่นเหรียญสหรัฐต่อลำต่อวัน และตั้งเป้าการปรับลดต้นทุนต่อลำต่อวันลงอีก 10% จากปีก่อนให้เหลือ 4,400 เหรียญสหรัฐต่อลำต่อวัน ถือเป็นการช่วยควบคุมค่าใช้จ่ายส่วนค่าน้ำมันและค่าแรงงาน
สำหรับแผนการปลดระวางเรือปีนี้จะเพิ่มขึ้น เพราะปี50ไม่มีเรือปลดระวาง โดยเดือนมกราคมปลดระวางเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองอยู่ที่ 3.4 ล้านเดทเวทตัน และเดือนกุมภาพันธ์ปลดระวางเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองอยู่ที่ 2.5 ล้านเดทเวทตัน ขณะที่ต่อเรือใหม่เพิ่มเพื่อเสริมกองเรือทดแทนเรือที่ปลดระวาง
" แม้ความต้องการใช้ธุรกิจเดินเรือปีนี้จะลดลงตามภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ แต่เรารับมือได้เพราะให้บริการขนส่งสินค้าทางเรือรอบโลก แต่ปัญหาใหญ่คือการเข้มงวดปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินหลังเกิดวิกฤตการเงิน ถือเป็นอุปสรรคอย่างมากต่อการประกอบธุรกิจ " นายคาลิด กล่าว
นายชเนศร์ เพ็ญชาติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จุฑานาวี จำกัด (มหาชน) (JUTHA) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 52 ไว้ที่ 800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 680 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณเรือเพิ่มขึ้นเพราะเพิ่งรับมอบเรือหใม่ 1 ลำ เพิ่มเป็น 7 ลำ รวมถึงปรับดัชนีค่าระวางเรือ(BDI) ที่มีแนวโน้มดีขึ้นจากเดิมที่ 600 จุด โดยเพิ่มขึ้นช่วงเดือนมกราคมปีนี้อยู่ที่ 2,000 จุด
โดยค่าใช้จ่ายของบริษัทปี 52 มีแนวโน้มลดลง ตามราคาน้ำมันที่ลดลงต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายลดอยู่ที่ 4 ,000 เหรียญสหรัฐต่อลำต่อวัน ขณะที่ปี50 อยู่ที่ 5,000 เหรียญสหรัฐต่อลำต่อวัน แม้ว่าค่าระวางเรือในส่วนของเรือวิ่งประจำเส้นทาง (Liner) จะมีแนวโน้มปรับเหลือ 1 หมื่นเหรียญสหรัฐต่อลำต่อวัน ซึ่งต่ำกว่าปีก่อน แต่ไม่กระทบต่อรายได้ของบริษัทนัก เพาะมีเรือ Liner 2 ลำ และเรือเช่าเหมาลำ (Sharter) 5 ลำ ซึ่งปีนี้ต่อเรือใหม่ 1 ลำ ขนาด 12,000 เดทเวทตัน โดยใช้งบ 700 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวเช่นปัจจุบัน ส่งผลกระทบต่อความต้องการให้ลดตาม แต่บริษัทยังคงประเมินว่า ในส่วนของเรือขนาดเล็กที่บริษัทมีอยู่นั้นจะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีกว่าเรือขนาดใหญ่ อีกทั้งสินค้าที่บริษัททำการขนส่งเป็นสินค้าอุปโภค บริโภค ที่ถือเป็นปัจจัยหลักที่สำคัญของคนทั่วไปจึงยังมีความต้องการต่อเนื่อง
" ส่วนการจ่ายปันผลปี 52 นั้น เราต้องขอดูปัจจัยต่าง ๆ ทั้งสถานการณ์ของอุตสาหกรรมเดินเรือ สภาวะของเศรษฐกิจโลก และอัตราการแลกเปลี่ยน เพราะถึงเราต้องการรักษาสภาพคล่องของบริษัท และให้ทุกอย่างดีขึ้นกว่านี้ก่อน ซึ่งจะประเมินประมาณปลายไตรมาส2 และ 3 " นายชเนศร์ กล่าว
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|