บ.แม่มารีฟรานซ์ผวาลูกค้าหดสั่งเบรกลงทุน-งดพรีเซ็นเตอร์


ผู้จัดการรายวัน(4 มีนาคม 2552)



กลับสู่หน้าหลัก

มูดี้ส์ชี้ศก.ไทยปี52 จะซบเซาที่สุดเอเชีย บริษัทแม่มารีฟรานซ์สั่งหั่นงบขยายสาขา หลังยอดลูกค้าใหม่ใน 2 เดือนแรกลดลง เบนเข็มการตลาดด้วยพรีเซ็นเตอร์หมดยุค เผยเร่งเครื่องกระตุ้นยอดขายจับตลาด CRM รักษาฐานลูกค้าเก่า พยุงธุรกิจรับเศรษฐกิจชะลอ

นายมาร์คอม เมดิสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารมารีฟรานซ์ บอดี้ไลน์ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เปิดเผยถึงภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้ว่ามีทิศทางชะลอตัวอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาและคาดว่าจะแย่ที่สุดในทวีปเอเชีย ทำให้ผู้บริโภคมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น โดยในส่วนของธุรกิจสถาบันลดน้ำหนักในช่วง 2 เดือนแรกของปีพบว่าแทบจะไม่มีอัตราการเติบโต โดยเฉพาะการขยายฐานลูกค้าใหม่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)ได้ปรับลดประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจปี 2552 อาจจะติดลบ 1%ในกรณีเลวร้ายสุด และดีสุดที่ 0% ซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจที่จะต้องเพิ่มความระมัดระวังในการใช้งบประมาณมากขึ้น

ทั้งนี้การดำเนินธุรกิจในประเทศไทย มารีฟรานซ์ฯสำนักงานใหญ่ได้มีการวางกรอบนโยบายการดำเนินธุรกิจเพื่อรองรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ล่าสุดสั่งเบรกการวางแผนขยายสาขาที่คาดว่าจะต้องใช้งบลงทุนกว่า 30 ล้านบาท รวมถึงชะลอแนวคิดการทำการตลาดด้วยการใช้พรีเซ็นเตอร์ เนื่องจากมองว่าการตลาดในยุคนี้ใช้พรีเซ็นเตอร์กันเกลื่อนกลาดมากทำให้ผู้บริโภคเกิดการไม่เชื่อถือ หลังจากที่บริษัทเคยมีการสุ่มสำรวจเมื่อปลายปีที่ผ่านมา

“ปีนี้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเศรษฐกิจไทยชะลอตัวอย่างมาก ดังนั้นการตลาดของมารี ฟรานซ์ฯต้องมีการปรับทิศ เพื่อประคองธุรกิจให้สามารถดำเนินต่อไปได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงบการตลาด การขยายสาขา หรือแม้แต่การเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ ต้องมีความรอบคอบมากขึ้น” นายมาร์คอม กล่าว

ด้านนางสาวศศิวีณ์ ซื่อตรง ผู้จัดการทั่วไป มารีฟรานซ์ บอดี้ไลน์ ประเทศไทย กล่าวว่าผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจมีผลต่อเนื่องต่อการดำเนินธุรกิจของมารีฟรานซ์ ซึ่งจะเห็นว่าในช่วง 2 เดือนแรกที่ผ่านมาฐานลูกค้าใหม่ลดลงไปอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ดังนั้นในการทำธุรกิจปีนี้บริษัทต้องยึดนโยบายหลักจากสาขาต่างประเทศอย่างเคร่งครัดเพื่อประคองธุรกิจให้เป็นไปตามเป้าหมายในสถานการณ์ความไม่แน่นอน

โดยปีนี้นโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัทได้วางกลยุทธ์การตลาดที่จะมุ่งโฟกัสไปที่กลุ่มลูกค้าเก่า เนื่องจากที่ผ่านมายอดขายของมารีฟรานซ์ มาจากกลุ่มลูกค้าเก่าถึง 60% พร้อมปูแนวทางการตลาดด้วยการอัดโปรโมชั่นการขายให้มีความถี่และเป็นทางเลือกให้กับลูกค้ามากขึ้น รวมถึงเพิ่มไลน์สินค้า ทรีทเมนต์ นวัตกรรมใหม่ๆ ออกมาตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าในทุกๆกลุ่ม อาทิ ผลิตภัณฑ์เร่งรัดในการลดสัดส่วน ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า “เบลล่า” ที่จะมีการนำเข้ามาใหม่อีก 7 รายการ ทั้งหน้าและตัว ได้แก่ เอนไท-เอจจิ้ง,ครีมยกกระชับ,ครีมลดริ้วรอย ฯลฯ พร้อมใช้งบกว่า 3 ล้านบาท พัฒนาเครื่องทำทรีทเมนต์ผิวหน้าที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ มาให้บริการกับลูกค้าทุกสาขา โดยคาดหวังว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์ “เบลล่า” และบอดี้เทค จะเป็นตัวที่ช่วยเพิ่มยอดขายให้กับมารีฟรานซ์ได้ประมาณ 15%

ขณะที่แนวทางการตลาดด้วยการใช้พรีเซ็นเตอร์ในปีนี้มองว่าเป็นแนวทางที่หมดยุคแล้ว เนื่องจากที่ผ่านมาผู้บริโภคซึมซับกับการตลาดด้วยแนวนี้มานานแล้ว และเริ่มเกิดความไม่ไว้ใจเชื่อถือในภาพที่เห็น

“การตลาดที่ใช้พรีเซ็นเตอร์ เรามองว่าไม่ใช่จุดแข็งการตลาดสำหรับภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แต่สิ่งสำคัญคือการรักษาฐานลูกค้าเก่าไว้ให้จงรักภักดีในสินค้าของเรามากกว่า รวมถึงการมอบสิทธิประโยชน์ที่เหนือชั้นกว่าคู่แข่ง ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการแข่งขันในยุคนี้ และต้องฉีกออกจากคู่แข่งโดยสิ้นเชิง ล่าสุดบริษัทได้จัดงาน Marie France Bodyline VIP Exclusive Party” นางสาวศศิวีณ์ กล่าว


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.