'พาณิชย์'ทำใจ ตัวเลขส่งออก หมดหวังโต3%


ผู้จัดการรายวัน(26 กุมภาพันธ์ 2552)



กลับสู่หน้าหลัก

“พาณิชย์”ถอดใจเลิกสู้ ยอมรับโอกาสบรรลุเป้าหมายขยายตัว 0-3% เป็นไปได้ยาก “พรทิวา”ยันไม่ท้อ ถึงจะหมดหวัง แต่ต้องสู้ พร้อมสั่งทูตพาณิชย์เป็นทัพหน้าทำงานหนัก รักษาตลาดหลัก และบุกเจาะตลาดใหม่เพิ่ม มึนบิ๊กพาณิชย์สั่งทูตพาณิชย์ปรับเป้ารายประเทศลงมา หวังรักษาหน้า เหตุกังวลตั้งสูงเกินไปแล้วทำไม่ได้

นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังมอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ไทยที่ประจำอยู่ทั่วโลก วานนี้ (25 ก.พ.) ว่า ได้ขอให้ทูตพาณิชย์พยายามรักษาตลาดส่งออกเดิมของไทยไว้ให้ได้ โดยต้องดูว่า ลูกค้าที่ซื้อสินค้าไทยเป็นประจำในแต่ละประเทศยังเข้มแข็งอยู่หรือไม่ มีคู่แข่งสินค้าไทยเริ่มเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดหรือไม่ คู่แข่งเหล่านั้นมีกลยุทธ์ใดที่ใช้แข่งขันกับไทย และสินค้าคู่แข่งมีจุดแข็งอะไร รวมถึงให้ดูว่า แต่ละประเทศมีกฎระเบียบทางการค้า หรือมีข้อกีดกันทางการค้าใหม่ๆ อะไร ที่จะเป็นอุปสรรคสำหรับการส่งออกสินค้าไทยหรือไม่

นอกจากนี้ ยังขอให้หาทางเพิ่มสัดส่วนการส่งออกสินค้าไทยไปตลาดใหม่ โดยให้ดูว่า สินค้าและบริการของไทยที่ส่งออกไปแต่ละประเทศในตลาดใหม่สามารถครอบคลุมได้ทุกพื้นที่ทั่วประเทศหรือยัง และมีโอกาสที่จะขยายตลาดเพิ่มได้อีกหรือไม่ หากในตลาดใหม่ยังไม่มีสินค้าไทย มีโอกาสที่สินค้าและบริการไทยจะเข้าไปทำตลาดได้หรือไม่ รวมถึงให้ศึกษาสัดส่วนตลาดของคู่แข่งด้วย

ขณะเดียวกัน ทูตพาณิชย์ต้องดูแลสินค้าที่มีปัญหาเป็นการเร่งด่วน โดยหากพบว่า สินค้าใดของไทยเกิดปัญหาขึ้นในแต่ละประเทศ ขอให้เร่งประสานงานร่วมกับภาคเอกชนของไทย และภาครัฐ เพื่อแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว และต้องตั้งเป้าหมายการส่งออกเป็นรายสินค้า และสร้างกลไกล และเครื่องมือเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมาย รวมถึงให้ทูตพาณิชย์เป็นกระบอกเสียงให้กับประเทศไทยในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าในแต่ละประเทศ โดยกำหนดให้ทูตพาณิชย์รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานตามนโยบายดังกล่าวเข้ามายังตนทุกๆ 2 สัปดาห์

“ขอให้ทูตพาณิชย์ทำงานหนักเป็น 2 เท่า เพื่อให้การส่งออกของไทยขยายตัวเป็นบวก แต่ต้องยอมรับว่า เศรษฐกิจทั่วโลกตกต่ำลงมาก โอกาสที่มูลค่าการส่งออกสินค้าไทยในปีนี้จะติดลบเป็นไปได้สูง แต่กระทรวงพาณิชย์จะประคับประคองให้ดีที่สุด เพื่อให้ขยายตัวได้ตามเป้าหมาย 0-3% ส่วนจะได้จริงหรือไม่นั้น คงต้องดูตัวเลขเป็นรายไตรมาส แต่ส่วนตัวเห็นว่า การตั้งเป้าหมายให้สูงไว้เป็นการดี เพราะทำให้คนทำงานมีความพยายามในการทำงานมากขึ้น ส่วนที่มูดี้ส์บอกว่าเราจะหนักสุดในเอเชีย คงพูดเกินจริง เพราะหลายประเทศส่งออกติดลบหนักกว่าเรา” นางพรทิวากล่าว

อย่างไรก็ตาม ได้มีการหารือกับนายกรัฐมนตรีอย่างไม่ทางการแล้วว่า ขอให้รัฐบาลช่วยเหลือภาคส่งออกด้วย และได้ทำข้อมูลสถานการณ์ส่งออกไปให้นายกรัฐมนตรีรับทราบแล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรีรับปากจะให้ความช่วยเหลือ โดยเฉพาะการมาตรการด้านภาษี ที่อาจจะมีการลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบ หรือลดการเก็บภาษีซ้ำซ้อน รวมถึงการเพิ่มสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการ ส่วนการของบประมาณเพื่อสนับสนุนการส่งออกเป็นการเฉพาะ คงไม่ขอแล้ว เพราะรัฐบาลไม่มีเงินเจียดมาให้

นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ได้ให้นโยบายทูตพาณิชย์รุกตลาดอาเซียนเป็นพิเศษ เพราะสินค้าไทยมีศักยภาพการแข่งขันมากในอาเซียน จากการที่มีต้นทุนการขนส่งต่ำ รวมถึงให้รุกการค้าชายแดนให้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบัน ไทยมีมูลค่าการค้าชายแดนเพียง 700,000 ล้านบาท หรือประมาณ 10% ของมูลค่าการส่งออกรวมของไทย จึงยังเพิ่มมูลค่าได้อีกมาก

นอกจากนี้ ยังให้นโยบายอาร์มาเกดอน หรือหน่วยเจาะเกราะ เพื่อช่วยให้ผู้ส่งออกเจาะตลาดใหม่ๆ และตลาดเดิมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยได้วาง 4 กลยุทธ์ 4 ขั้นคือ การเจาะเกราะคือ เร่งเจาะตลาดใหม่ที่มีศักยภาพสูง มีข้อมูลการค้าเชิงลึก เพื่อเพิ่มโอกาสให้สินค้าไทย การแตกหน่อ เป็นการทำจับคู่ทางธุรกิจ การส่งเสริมตลาดเชิงรุก ด้วยการจัดกิจกรรมต่างๆ ให้มากขึ้น และการทำแบรนด์ประเทศไทย เพื่อย้ำให้ตลาดจดจำตราสินค้าไทย และติดใจคำว่า “เมด อิน ไทยแลนด์”

“กระทรวงพาณิชย์ รวมถึงทูตพาณิชย์ ต้องทำงานหนักขึ้น เร็วขึ้น มีกลยุทธ์ใหม่ๆ มากขึ้น รวมถึงหาโอกาสส่งออกสินค้าไทยใหม่ๆ ทั้งในตลาดเก่า และตลาดใหม่ให้มากขึ้น จึงจะทำให้เป้าหมายการส่งออกเป็นไปได้ตามเป้าหมายที่ 0-3%” นายอลงกรณ์กล่าว

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า การประชุมทูตพาณิชย์ในครั้งนี้เป็นการประเมินสถานการณ์การส่งออกสินค้าไทยในประเทศต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันมากที่สุด หลังจากที่การส่งออกในเดือนม.ค.2552 ติดลบหนักถึง 26.5% ซึ่งในบางประเทศ ทูตพาณิชย์ได้กำหนดเป้าหมายการส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่ผู้บริหารระดับสูงบางคนในกระทรวงพาณิชย์กลับต้องการให้กำหนดเป้าหมายลดลง เช่น อินเดีย กำหนดเป้าหมายขยายตัวที่ 20% แต่กลับถูกสั่งให้ลดลงเหลือ 10% เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ซึ่งหากถึงปลายปีนี้ สามารถทำให้การส่งออกทั้งปีขยายตัวได้มากกว่าเป้าหมายก็จะถือเป็นผลงานของกระทรวง แต่หากต่ำกว่าเป้าหมายก็จะถือว่าเสียหน้า

สำหรับเป้าหมายการส่งออกในปี 2552 ที่ขยายตัว 0-3% นั้น เมื่อแยกเป็นรายตลาดขยายตัวดังนี้ สหรัฐฯ ลบ 2% ถึงลบ 5% แคนาดา ขยายตัว 0-5% ลาตินอเมริกา ขยายตัว 5-8% สหภาพยุโรป ลบ 5% ถึงลบ 2% ตะวันออกกลาง ขยายตัว 5-10% แอฟริกา ขยายตัว 5-8% จีน ขยายตัว 0-7% ญี่ปุ่น ลบ 3% ถึง 0% เกาหลีใต้และไต้หวัน ลบ 5% ถึง 3% เท่ากัน ออสเตรเลีย เพิ่มขึ้น 5% เอเชียใต้ ขยายตัว 5-10% อาเซียน (5ประเทศ) ขยายตัว 0% และอินโดจีน ขยายตัว 10%


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.