|
ไพร์มเนเจอร์ปรับแผนครั้งใหญ่ ดีงรับเหมาร่วมทุนเสริมความแกร่ง
ผู้จัดการรายสัปดาห์(23 กุมภาพันธ์ 2552)
กลับสู่หน้าหลัก
ไพร์มเนเจอร์ปรับแผนพัฒนาที่ดินหัวหินระลอกใหม่ ล้มคอนโดหรูเจาะต่างชาติ หั่นขนาดยูนิตเหลือไซส์เล็กขายคนไทย งัดกลยุทธ์ร่วมทุนผู้รับเหมา เร่งดันโครงการแล้วเสร็จ สร้างความเชื่อมั่นลูกค้า หลังติดหล่ม 3 ปีปั้นโครงการไม่ขึ้น ฉุดแผนรุกธุรกิจใหม่ลากยาว
ช่วงเวลาที่โลดแล่นอยู่ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ไม่ถึง 10 ปีของไพรม์เนเจอร์ ดีเวลลอปเปอร์หน้าใหม่ เจ้าของแลนด์แบงก์หลายหมื่อนไร่ในย่านชลบุรี พร้อมกับจุดยืนเพียงหนึ่งเดียว คือ การรุกตลาดไฮเอนด์ ประเดิมด้วยการพัฒนาแลนด์แบงก์แปลงใหญ่ในย่านอ่อนนุช และต่อมาที่หัวหิน แม้รูปลักษณ์หรือแนวคิดของโครงการที่ออกมาจะไม่ได้สวนทางกับจุดยืนที่ไพร์มเนเจอร์อยากเป็น แต่ก็แทบไม่น่าเชื่อว่าที่ดิน 2 แปลงใหญ่นี้จะกลายเป็นกับดักที่ทำให้ดักไพรม์เนเจอร์ติดหล่ม จนไม่พร้อมที่จะรุกตลาดใหม่ๆ ทั้งที่วางแผนธุรกิจระยะยาวไว้หลายด้าน ทั้งการรุกตลาดลองสเตย์ โดยใช้แลนด์แบงก์ที่ชลบุรีของตนเอง ออฟฟิศ เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ โรงแรม ฯลฯ รวมถึงการเข้าตลาดหลักทรัพย์ในอนาคต
สำหรับบ้านเดี่ยวหรูในโครงการไพร์มเนเจอร์ อ่อนนุชขณะนี้ปิดการขายแล้ว เหลือแต่ภาระการพัฒนาโครงการไพร์มเนเจอร์ หัวหิน บนที่ดิน 102 ไร่ ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปี 2548 ในช่วงจังหวะที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังบูม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มชาวต่างชาติ แต่เพราะเป็นโครงการขนาดใหญ่ ใช้เวลาพัฒนานาน รวมถึงคาดการณ์ตลาดผิดพลาด ทำให้ความคืบหน้าของโครงการล่าช้ากว่าแผน ซึ่งตามมาสเตอร์แพลนเดิมแบ่งการพัฒนาออกเป็น 3 เฟส ได้แก่ ที่ดินเปล่าและบ้านเดี่ยวบนเนิน 17.5 ไร่ รวม 24 แปลง, คอนโดมิเนียมสูง 3 ชั้น 6 อาคาร รวม 150-250 ยูนิต พื้นที่ 15.5 ไร่ และบ้านรอบทะเลสาบ พื้นที่ 10.5 ไร่ ที่เหลือเป็นพื้นที่ส่วนกลางคิดเป็น 65% ของพื้นที่โครงการทั้งหมด ราคาขายที่ดิน 80,000-150,000 บาทต่อ ตร.วา บ้านเดี่ยวราคาเริ่มต้น 20-35 ล้านบาท และคอนโดมิเนียมขนาด 150 ตร.ม. และ 250 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 15-35 ล้านบาท
ปัจจุบันแผนการพัฒนาที่ดินได้เปลี่ยนไป เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนคอนโดมิเนียมที่ได้ปรับขนาดยูนิตให้เล็กลง เพื่อจับกำลังซื้อคนไทย หลังจากประสบการณ์ในการทำตลาดของสุนัทที เนื่องจำนงค์ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท ไพรม์เนเจอร์ พบว่า ที่ผ่านมาลูกค้าชาวต่างชาติเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากกฎหมายมากกว่าคนไทย ลูกค้ามักถามหายูนิตขนาดเล็ก และสนใจรูปแบบตกแต่งพร้อมอยู่มากกว่า เดิมบริษัทออกแบบเป็นคอนโดมิเนียม 8 ชั้น 54 ยูนิต ขนาดเริ่มต้น 150 ตร.ม. ราคา 6.3 ล้านบาท ซึ่งไม่ตรงกับดีมานด์ของคนไทย ทำให้มียูนิตเหลือขายจำนวนหนึ่ง จึงคืนเงินจองให้กับลูกค้าเก่า และปรับรูปแบบโครงการเป็น Low Rise Luxurious Condominium คอนโดมิเนียม 7 ชั้น (รวมชั้นจอดรถ) 2 อาคาร รวม 93 ยูนิต บนพื้นที่ 2 ไร่ ลดขนาดยูนิตให้เล็กลงเหลือ 61.5-240 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.9 ล้านบาท หรือ 85,000-100,000 บาทต่อ ตร.ม. ออกแบบโดยออกัสท์ ดีไซน์ คอนซัลแตนท์ ในสไตล์รีสอร์ตร่วมสมัย ขณะนี้มียอดพรีเซลแล้ว 30% ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าคนไทย ผ่านการพิจารณา EIA แล้ว คาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จในเดือนต.ค. นี้
ทั้งนี้การบริหารโครงการได้ดึงบริษัท อี.จี. คอนสตรัคชั่น จำกัด บริษัทรับเหมาก่อสร้างที่มีประสบการณ์ด้านก่อสร้างห้างค้าปลีก เข้ามาร่วมทุนพัฒนาโครงการ โดยจัดตั้งบริษัท อี.จี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัดขึ้น ซื้อที่ดิน 2 ไร่ จากไพร์มเนเจอร์ และอี.จี. คอนสตรัคชั่นถือหุ้น 80% มาช่วยผลักดันงานก่อสร้างที่ไพร์มเนเจอร์ไม่ถนัดให้แล้วเสร็จ เพื่อเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้า และเร่งรับรู้รายได้ ซึ่งใช้เวลาเพียง 12 เดือน จากเดิมที่เป็นตึกสูงต้องใช้เวลานานถึง 18 เดือน แม้สัดส่วนกำไรจะลดลงจากที่ตั้งไว้ เพราะโครงการล่าช้ากว่าแผน
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|