“บาร์บีคิวพลาซ่า”ผ่อนคันเร่ง“จุ่มแซบฮัท”จ่อคิวโกอินเตอร์


ผู้จัดการรายวัน(17 กุมภาพันธ์ 2552)



กลับสู่หน้าหลัก

บาร์บีคิวพลาซ่า-จุ่มแซบฮัท ผ่อนคันเร่ง ลดจำนวนเปิดสาขาใหม่ เหตุ ศูนย์การค้าเปิดใหม่น้อยลง เศรษฐกิจไม่ดี พร้อมลุยทำซีอาร์เอ็ม งัดบัตรสมาร์ทการ์ดใหม่ ดึงสมาชิก เพิ่มยอดขาย จุ่มแซบฮัทมีโอกาสโกอินเตอร์ตามรอยบาร์บีคิวพลาซ่า

นางสาวชาตยา ชูพจน์เจริญ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เดอะบาร์บีคิวพลาซ่า จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจร้านอาหาร “บาร์บีคิวพลาซ่า” และ “จุ่มแซบฮัท” กล่าวกับ “ASTVผู้จัดการรายวัน” ว่า แผนการดำเนินธุรกิจในส่วนของร้านอาหารในปีนี้ จะยังคงมีการลงทุนต่อเนื่อง แต่จะลดอัตราการขยายตัวลง เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีผู้บริโภคมีกำลังซื้อที่ลดลง และปัญหาการเมืองที่ยังคงมีอยู่ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคด้วย คาดว่าสถานการณ์โดยรวมในช่วงครึ่งปีแรกจะยังคงไม่ดี

นอกจากนั้นแล้วยังเป็นผลมาจาก การที่ศูนย์การค้ามีการเปิดสาขาใหม่น้อยลง และหลายแห่งก็มีการเลื่อนโครงการออกไป ทำให้บริษัทฯไม่สามารถที่จะเปิดสาขาใหม่ได้มากด้วย เพราะบริษัทฯจะขยายสาขาควบคู่ไปกับศูนย์การค้าเป็นหลักอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีพื้นที่รองรับการขยายตัวของบริษัทฯด้วย ซึ่งสาขาของทั้งสองแบรนด์แบบสแตนด์อโลนนั้นแทบจะไม่มีเลย

โดยแผนขยายสาขาปีนี้จะมีประมาณ 5-10 แห่ง (โดยที่ 1 แห่งจะมีสองแบรนด์เปิดบริการควบคู่กันไปด้วยเป็นส่วนใหญ่) ซึ่งก่อนหน้านี้โดยเฉลี่ยแล้วบริษัทฯจะขยายสาขาประมาณปีละ 15 แห่งเป็นอย่างต่ำ ซึ่งก็เท่ากับว่าเปิดประมาณ 30 สาขารวมกันทั้งสองแบรนด์ และปีที่แล้วมียอดขายเติบโต 13%

ปัจจุบันบริษัทมีสาขาเปิดบริการรวมกันประมาณ 80แห่ง แบ่งเป็น ร้านบาร์บีคิวพลาซ่าประมาณ 80 สาขา และร้านจุ่มแซบฮัทประมาณ 70 สาขา และแยกเป็นร้านที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯประมาณ 80% และตั้งอยู่ในต่างจังหวัด 20% โดยที่ปีที่แล้วเปิดสาขาใหม่ประมาณ 12 ทำเล หรือเท่ากับ 24 ร้าน ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่มากพอสมควรกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่เป็นอยู่เช่น ในกรุงเทพฯคือ เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ ส่วนต่างจังหวัดเช่นที่แฟรี่พลาซ่าขอนแก่น, บิ๊กซีรังสิตคลอง 6, ฮาเบอร์มอลล์แหลมฉบัง, เทสโก้โลตัสศาลายา เป็นต้น

สำหรับสาขาใหม่ปีนี้ที่เพิ่งเปิดไปแล้วคือ ที่เซ็นทรัลพัทยาเมื่อวันที่ 23 มกราคมปีนี้ และต่อไปเตรียมเปิดที่ เซ็นทรัลชลบุรี, เซ็นทรัลขอนแก่น และที่นวมินทร์ซิตี้กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้มีการสรุปการเจรจากันไปแล้ว ส่วนครึ่งปีหลังจะต้องศึกษาหาทำเลใหม่เพิ่มเติมเพื่อสามารถเปิดให้ได้ตามแผนงานที่วางไว้

ขณะเดียวกันในปีนี้จะเน้นการทำซีอาร์เอ็มและกิจกรรมมากขึ้นเพื่อเป็นการกระตุ้นลูกค้าเข้ามาบริโภค โดยเฉพาะการทำบัตรสมาชิกแบบใหม่ “วิทเลิฟ สมาร์ทการ์ด” (With Love Smart Card) โดยใช้ระบบชิป เป็นการพัฒนาจากระบบบัตรเดิมที่เป็นเพียงแค่ บัตรวิทเลิฟเท่านั้น มีแค่การรับส่วนลด แต่บัตรใหม่จะมีทั้งรับส่วนลดและการสะสมแต้มเพื่อนำไปใช้แลกสิ่งของได้อีกด้วย โดยคาดว่าปีนี้จะมีฐานสมาชิกเพิ่มขึ้นอีก 25% จากปีที่แล้วมีประมาณ 90,000 ราย และจะช่วยเพิ่มยอดขายจากในส่วนของสมาชิกได้อีก 30% ซึ่งปัจจุบัน ลูกค้าที่เข้ามาทานในร้านบาร์บีคิวพลาซ่าจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 200 บาทต่อคน ส่วนร้านจุ่มแซ่บฮัทอยู่ที่ 180 บาทต่อคน ขณะที่ยอดขายจะมาจากบาร์บีคิวพลาซ่าในสัดส่วนมากกว่า 70% และอีก 30% มาจากร้านจุ่มแซบฮัท

นอกนั้นยังมีร้านอาหารอีก 2 แบรนด์คือ ร้านไฟร์เพลซ เป็นร้านอาหารย่างสไตล์ญี่ปุ่นแบบพรีเมียม ตั้งอยู่ที่ดิเอ็มโพเรียม ชั้น 4 เปิดมาแล้ว 2 ปี แต่คาดว่าคงไม่ได้เน้นขยายสาขาเท่าใดนัก 2.ร้านจัสท์แซบ บายจุ่มแซบฮัท เป็นร้านอาหารอีสานแบบส้มตำ ไก่ย่าง ชนิดฟาสต์ฟู้ด รูปแบบคีออส เปิดที่เมืองทองธานี 2 ปีแล้ว คาดว่าตัวนี้มีโอกาสที่จะขยายสาขาได้ดีในอนาคต

ส่วนในต่างประเทศนั้นที่ผ่านมาได้นำร้านบาร์บีคิวพลาซ่าไปลงทุนเปิดที่มาเลเซียมาแล้ว 3 ปีแล้ว ร่วมกับพันธมิตรท้องถิ่นที่ทำธุรกิจร้านอาหาร เปิดแล้ว 5 สาขา ในปีนี้จะเปิดอีก 1 สาขา ในอนาคตมีความเป็นไปได้ที่จะนำแบรนด์ร้านจุ่มแซบฮัทไปเปิดอีกด้วย


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.