"โมเดอร์นฟอร์ม"ชี้เฟอร์ราคาถูกแข่งดุ


ผู้จัดการรายวัน(29 สิงหาคม 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

"โมเดอร์นฟอร์ม" ชี้ตลาดเฟอร์นิเจอร์อนาคตสดใส คาดเติบโตขึ้นอย่างน้อย 18-20% ด้วยมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท เผยตลาดระดับล่างแข่งดุเดือด ทั้งแข่งกันเองระหว่างผู้ผลิตในประเทศ และถูกเฟอร์นิเจอร์จากจีนแย่งตลาด ด้านโมเดอร์นฟอร์มปรับตัวหนีคู่แข่ง ยกระดับสินค้าสู่ระดับไฮเอนด์ หวังโกยยอดขายปีนี้ 1,600 ล้านบาท

นายพัฒนะ อุษณาจิตต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์บ้าน และสำนักงานภายใต้ ยี่ห้อ โมเฟล็กซ์, โซโห, คิทเช่น ,ไลฟ์ คาซ่า เบลล่า และ Klasse เปิดเผยถึงสภาพตลาดเฟอร์นิเจอร์ในปัจจุบันว่า ตลาดโดยรวมมีอัตราเติบโตขึ้นประมาณ 18-20% จากที่ปีก่อนมีมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลดีจากธุรกิจบ้านจัดสรรที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความต้องการใช้เฟอร์นิเจอร์มีมากขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม จากอัตราเติบโตที่สูงขึ้น ส่งผลให้ภาวะการแข่งขันรุนแรงขึ้นตามไปด้วย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในตลาดระดับล่าง ที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด ซึ่งกลยุทธ์ที่ผู้ผลิต นำมาใช้ในการแข่งขันส่วนใหญ่จะเน้นที่การตัดราคาแข่งกัน จนทำให้ทุกวันนี้ ผู้ผลิตมีกำไรน้อย มาก ทั้งนี้ การแข่งขันนอกจากจะแข่งขันกันที่ผู้ ผลิตในประเทศด้วยกันเองแล้ว ยังถูกเฟอร์นิเจอร์นำเข้าราคาถูกจากจีนแดงเข้ามาแย่งตลาดอีกด้วย ซึ่งทำให้ผู้ผลิตสินค้าระดับดังกล่าวอยู่ใน ภาวะที่ลำบากมากกว่าผู้ผลิตในตลาดระดับกลางถึงบน

สำหรับตลาดระดับกลางนั้น การแข่งขันแม้ว่าจะรุนแรง แต่ก็ไม่มากเท่ากับตลาดระดับล่าง โดยกลยุทธ์ที่ถูกนำมาใช้ ส่วนใหญ่จะเน้นที่การตัดราคา และแข่งด้วยคุณภาพสินค้าผสมผสานกัน ในขณะที่ตลาดระดับบน การแข่งขันไม่รุนแรงมากนัก เพราะมีผู้ทำตลาดไม่มากเท่ากับตลาดระดับกลางและล่าง โดยกลยุทธ์ที่ถูกนำมาใช้ ส่วนใหญ่จะแข่งกันที่ดีไซน์ คุณภาพสินค้าและวัตถุดิบที่นำมาใช้

ในส่วนของโมเดอร์นฟอร์ม ได้ปรับตัวหนีคู่แข่งในตลาดระดับบน ด้วยการพัฒนาสินค้าให้มีดีไซน์ที่แตกต่างจากคู่แข่งในท้องตลาด ซึ่งล่าสุดได้ออกสินค้าใหม่ 3 สไตล์ คือ สไตล์โอเรียลทัล, สไตล์อิงลิช และสไตล์รีเจนซี่ ภายใต้ยี่ห้อ Klasse Heritage ซึ่งสไตล์ดังกล่าวกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในตลาดต่างประเทศและในประเทศ โดยสินค้าใหม่นี้ เน้นกลุ่มลูกค้า เป้าหมายระดับไฮเอนด์ หรือบ้านระดับราคา 10-20 ล้านบาทขึ้นไป

ปัจจุบันผู้ประกอบการโครงการบ้านจัดสรร หลายแห่งได้ตัดสินใจซื้อเฟอร์นิเจอร์ของบริษัทแล้ว เช่น แสนสิริ, แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ , แผ่นดินทองฯ, นารายณ์ พร็อพเพอร์ตี้ รวมถึงผู้ประกอบการในทุกธุรกิจอื่นๆ เช่น เอไอเอส และ ไอบีเอ็ม ก็ใช้เฟอร์นิเจอร์สำนักงานของบริษัท และคาดว่าผู้ประกอบการบ้านจัดสรรระดับกลางถึงบน ก็จะใช้สินค้าใหม่นี้ด้วย

"สินค้าใหม่ ราคาจะถูกกว่าสินค้านำเข้าทั่วไป เฉลี่ยที่ 50% ในขณะที่ดีไซน์และคุณภาพสินค้าไม่ได้แตกต่างจากสินค้านำเข้า แต่อย่างไรก็ตาม ราคายังสูงกว่า Klasse คอลเลกชั่นเดิม ประมาณ 15% แต่เชื่อว่า ราคาสินค้าที่สูงกว่า สินค้าคอลเลกชั่นเดิมจะไม่เป็นอุปสรรคในการทำตลาด เพราะเน้นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ต้อง การใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีดีไซน์ เหมือนสินค้านำเข้า แต่ไม่ต้องการเสียเงินมากเหมือนกับการซื้อสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ"นายพัฒนะกล่าว

กรรมการผู้จัดการ กล่าวอีกว่า การทำตลาดสินค้าใหม่จะเน้นขายช่องทางค้าปลีก 60% และผ่านโครงการนักออกแบบ ประมาณ 40% ซึ่งการ ทำตลาดจะเน้นการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ โดยบริษัทตั้งงบการตลาดรวมปีนี้ไว้ที่ 40 ล้านบาท มากกว่าปีที่ผ่านมา ที่ใช้งบรวมเพียง 30 ล้านบาทเท่านั้น

ด้านผลการดำเนินงานในปีนี้ตั้งเป้ายอดขาย รวมไว้ที่ 1,550 -1,600 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน ที่มียอดขาย 1,320 ล้านบาท และกำไร 190 ล้านบาท ในปีนี้ ซึ่งจะมากกว่าปีก่อนที่มีกำไรเพียง 100 ล้านบาทเท่านั้น



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.