|
"SCIB"ลุยเพิ่มทุนเสริมฐานะ
ผู้จัดการรายวัน(16 กุมภาพันธ์ 2552)
กลับสู่หน้าหลัก
"แบงก์นครหลวงไทย"ปรับเป้าสินเชื่อลงตามภาวะเศรษฐกิจ เหลือ 6-7 %ประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท จากเดิมตั้งเป้าเติบโต 8-9 % พร้องเดินหน้าเพิ่มเงินกองทุน เสริมฐานะแข็งแกร่งรองรับการขยายตัวของธุรกิจและบลาเซล2 คาดมีนาคมจะสรุปผลจากบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน ถึงรูปแบบและจำนวนการเพิ่มเงินกองทุน วางเป้าดันบีไอเอส อยู่ที่ระดับ 13-14 % จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 11 % ปรับกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้ารายย่อยเจาะกลุ่มอายุต่ำว่า 35 ปี เล็งผลิตภัณฑ์เงินฝาก นำล่อง
นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินธุรกิจและเป้าหมายต่างในปีนี้ปรับลอลง โดยได้ตั้งเป้าหมายของการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจน่าจะชลอตัวลงกว่าปีที่ผ่านมา ขยายตัวประมาณ 0-2 % ส่งผลให้สินเชื่อของทั้งระบบธนาคารพาณิชย์ขยายตัวเพียง 4-5 % ดังนั้นธนาคารจึงต้องตั้งเป้าขยายสินเชื่อปีนี้ประมาณ 6-7 % หรือคิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท
ในช่วงเดือนกันยายน 2551 ที่ธนาคารได้ทำแผนปี 2552 ไว้ โดยใช้ปัจจัยการคาดการณ์ไว้ว่าอัตราการขยายตัวของประเทศไทยจะอยู่ที่ระดับ 3-3.8 % สินเชื่อของทั้งระบบจะขยายตัว 5-6 % ดังนั้นธนาคารตั้งเป้าขยายสินเชื่อประมาณ 8-9 % อย่างไรก็ตามการปรับแผนธุรกิจดังกล่าว เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจของประเทศ ที่ยังคงประสบปัญหาซับพลามและขยายวงกว้างไปทั่วโลก ซึ่งประเทศไทยและภาคธุรกิจเอกชนจำเป็นที่จะต้องปรับตัวและแผนการรองรับไว้
ธนาคารได้มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์และแผนธุรกิจตลอดเวลา เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์และมีความคล่องตัวสูง ในช่วงกลางปี 2551 ธนาคารได้ปรับระบบบริหารงานให้บริหารแบบเครือข่าย ซึ่งได้ผลอย่างมาก ส่งผลให้ผลปรกอบการดีเป็นก้าวกระโดด ทั้งสินเชื่อและเงินฝาก และในปีนี้ธนาคารยังคงปรับรูปแบบสาขาเพื่อให้ทันสมัย ตรงกับกลุ้มลูกค้า ซึ่งในต้นเดือนเมษายนนี้ จะมีโฉมใหม่ของธนาคารและของสาขา รวมทั้งมีแผนที่จะขยายสาขาเพิ่มเติมอีก 15 สาขา ซึ่งจะใช้งบประมาณในการปรับโฉมสาขาประมาณ 7-10 ล้านบาทต่อสาขา
นอกจากนี้ในกลุ่มลูกค้า ธนาคารจะเข้ามาศึกษาและเตรียมที่จะเจาะเข้าไปในลูกค้ากลุ่มอายุตั้งแต่ 20-35 % เพื่อมองว่าเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตของธุรกรรมมาก รวมทั้งยังเป็นฐานของการเติบโตในอนาคต ปัจจุบันธนาคารมีลูกค้าในกลุ่มอายุ 35 ปีขึ้นไป เกือบ 100 % ดังนั้นจึงต้องมีการศึกษาและเก็บข้อมูลในเชิงลึก เพื่อให้บริการและออกผลิตภัณฑ์ตอบสนองให้ตรงกลุ่มมากที่สุด โดยธนาคารจะเริ่มจากผลิตภัณฑ์ เงินฝาก และบริการธุรกรรมทันสมัย ซึ่งเชื่อว่าเมื่อลูกค้าหันมาใช้บริการดังกล่าว ความต้องการสินเชื่อก็จะเข้ามาเอง
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวต่อไปว่า ธนาคารมีแผนที่จะเพิ่มเงินกองทุนในช่วงเดือนมีนาคม 2552 เพื่อรองรับการขยายธุรกิจและการใช้เกณฑ์บลาเซล 2 ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเริ่มประกาศใช้แล้ว ซึ่งจะออกมาในรูปแบบใดนั้นจะต้องขึ้นอยู่กับผลการศึกษาของบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน และการพิจารณาของคณะกรรมการ โดยในช่วงที่ผ่านมาธนาคารได้ขออนุมัติผู้ถือหุ้นที่จะขอวงเงินออกหุ้นกู้ประมาณ 8 หมื่นล้านบาท ไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะสามารถเข้ามาเพิ่มเงินกองทุนขึ้นที่ 2 ของธนาคารได้อีก จากปัจจุบันธนาคารมีเงินกองทุนขึ้นที่ 2 อยู่เพียง 0.8 % ที่เหลือจะเป็นเงินกองทุนขึ้นที่ 1
จากการประกาสใช้เกณฑ์บลาเซล2 ส่งผลให้เงินกองทุนของธนาคารหายไปทันที่ 1-2 % ดังนั้นธนาคารจึงต้องเพิ่มเงินกองทุนรองรับ อีกทั้งแผนการขยายธุรกิจของธนาคารก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้ธนาคารมีงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง บีไอเอส 11 % และมีแผนที่จะเพิ่มเงินกองทุนเพื่อให้บีไอเอสอยู่ที่ระดับ 13-14 % เพื่อความมั่นคงและแข็งแกร่งของธนาคาร
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|