โอเลย์ปรับหางเสือลุยแมสทีจยกเครื่องไวท์เรเดียนซ์ดันแชร์


ผู้จัดการรายวัน(4 กุมภาพันธ์ 2552)



กลับสู่หน้าหลัก

แม่ทัพพีแอนด์จีอาเซียน ชูกลยุทธ์ระดับโกลเบิ้ล สั่งลุยโอเลย์พร้อมกัน 3 ประเทศ พร้อมปรับโพซิชันนิ่งสู่แบรนด์ดูแลระดับเซลล์ผิว หวังต่อยอดรุกตลาดแมสทีจเต็มตัว รีล้อนช์โอเลย์ ไวท์ เรเดียนซ์ ครั้งใหญ่ ชูนวัตกรรม”เซลลูเซนท์”ทะลวงสาวไทย สิ้นปีโกยแชร์เป็น 10% ดันโอเลย์รั้งตำแหน่งกวาดแชร์รวมจาก 26.8% เป็น 28-29%

นายเมธี จารุมณีโรจน์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายสื่อสารการตลาดและองค์กร บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (เทรดดิ้ง) ประเทศไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าโอเลย์ เปิดเผยว่า จากการที่หัวเรือใหญ่พีแอนด์จี “ปริญดา หัศฎางค์กุล” กรรมการผู้จัดการ ได้รับแต่งตั้งจากบริษัทแม่ ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดพีแอนด์จี อาเซียน ดูแลตลาดประเทศไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และ เวียดนาม เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ปีที่ผ่านมา

ล่าสุดได้วางนโยบายการตลาด ด้วยการปรับโพซิชันนิงโอเลย์ใหม่ โดยเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลเซลล์ผิว จากเดิมเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิว โดยการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ได้เปิดตัวครั้งแรกพร้อมกัน 3 ประเทศที่โอเลย์เป็นผู้นำตลาด ได้แก่ ไทย สิงคโปร์ และมาเลเซีย ซึ่งเป็นกลยุทธ์การตลาดระดับโกลเบิ้ล เพื่อลดต้นทุนทางการตลาดในระยะยาว

การปรับโพซิชันนิ่งของโอเลย์ เพื่อรุกตลาดแมสทีจอย่างเต็มตัว โดยได้รีลอนช์โอเลย์ ไวท์ เรเดียนซ์ เซลลูเซนท์ แฟร์เนส ใหม่ ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ไวท์เทนนิ่ง หลังจากก่อนหน้านี้ได้รีลอนช์ โอเลย์ รีเจนเนอรีส ผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอย ทั้งนี้การปรับดังกล่าวเพื่อสอดรับกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงทำงานอายุ 25-34 ปี ซึ่งต้องการผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองมากกว่าแค่ดูแลผิว

บริษัทรีลอนช์โอเลย์ ไวท์เรเดียนซ์ ใหม่ทั้งหมด วางราคาใหม่จาก 499 บาท เป็น 599 บาท นอกจากนี้ยังเปิดตัวผลิตภัณฑ์ครบทุกขั้นตอน และเพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง มุ่งการทำอะโบฟเดอะไลน์ 70% การปรับโฉมชั้นวางสินค้า 20% และ 10% เป็นการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย โดยช่วงแรกมุ่งเน้นการให้ความรู้ด้านนวัตกรรมเซลลูเซนท์ ควบคู่กับการทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย และขณะเดียวกันบริษัทตอกย้ำด้วยนวัตกรรมใหม่ของโอเลย์ ไวท์เรเดียนซ์อย่างต่อเนื่อง

“ตลาดแมสทีจเป็นที่น่าจับตามอง โดยเฉพาะในท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจ เพราะถือว่าเป็นโอกาสในการทำตลาด ผู้บริโภคอาจจะเปลี่ยนจากผลิตภัณฑ์ดูแลผิวระดับเคาน์เตอร์แบรนด์ ในบางช่วงเวลามาใช้ผลิตภัณฑ์แมสทีจ”

สำหรับตลาดดูแลและบำรุงผิวหน้าปีนี้เติบโต 7-8% หรือมูลค่า 7,800 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมาโต 7% หรือมีมูลค่า 7,200 ล้านบาท แบ่งเป็น กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อผิวขาวสัดส่วน 50% หรือคิดเป็นมูลค่า 3,600 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอย สัดส่วน 40% ลดลงเหลือ 38% หรือจากมูลค่า 2,880 ล้านบาท เหลือเป็น 2,736 ล้านบาท เนื่องจากไม่มีกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการตลาดมากนักเมื่อเทียบกับกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อผิวขาว ส่วนผลิตภัณฑ์เฉพาะจุดสัดส่วนลดลงจาก 8% เป็น 6 หรือ 576 ล้านบาท เป็น 432 ล้านบาท และผลิตภัณฑ์ดูแลทั่วไป 288 ล้านบาท

นายเมธี กล่าวว่า จากการปรับโพซิชันนิ่งโอเลย์และการรีลอนช์ในครั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าสิ้นปีมีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้น2% หรือราว 28-29% จากเดิมมี 26.8% รั้งตำแหน่งผู้นำตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าโอเลย์ ไวท์เรเดียนซ์ เพิ่มส่วนแบ่งจาก 7.6% เป็น 10% โททัลเอฟเฟกซ์ 11.9% โททัลไวท์ เอ็กซ์ตร้า 4.9% ส่วนพอนดส์ มีส่วนแบ่ง 21.2% ลอรีอัล ส่วนแบ่งเพิ่มขึ้น 2% เป็น 18.7%


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.