ฟิลิปส์ปรับแผนลดขั้นบริหารคุมกระแสเงินสดชูวันสต๊อป


ผู้จัดการรายวัน(3 กุมภาพันธ์ 2552)



กลับสู่หน้าหลัก

ฟิลิปส์ปรับแผนตลาดแบบรัดกุม หวังฝ่ามรสุมเศรษฐกิจไปได้ คุมการใช้กระแสเงินสดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ชูพนักงานทำงานแบบวันสต๊อปเซอร์วิส นำเข้าสินค้าใหม่ ต้องโตกว่าตลาด 2 เท่า กำไรมากกว่าปีก่อน

นายประกรณ์ เมฆจำเริญ ซีอีโอและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฟิลิปส์อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากสภาพเศรษฐกิจในปีนี้ ที่มองว่าจะได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกนั้น ทางบริษัทฯได้เตรียมแผนรับมือรองรับสถานการณ์ต่างๆที่จะเกิดขึ้นไว้อย่างรัดกุม ส่วนหนึ่งถือเป็นนโยบายจากบริษัทแม่ที่กำหนดไว้ และอีกส่วนหนึ่งเป็นการปรับที่ประเมินจากสถานการณ์ต่างๆที่คาดว่าจะเกิดขึ้น โดยทางบริษัทฯมุ่งหวังให้ปีนี้จะยังคงการเติบโตมากกว่าตัวเลขจีดีพี 2 เท่า เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา ภายใต้กลุ่มธุรกิจ 3 ด้าน คือ 1.คอนซูเมอร์ไลฟ์สไตล์ กับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน 2.ไลท์ติ้ง หรืออุปกรณ์ให้แสงสว่าง และ 3. เฮลท์แคร์ กับเครื่องมือทางการแพทย์

โดยแผนการดำเนินงานในปีนี้ ในแง่ขององค์การ จะมีการปรับลดขั้นตอนการทำงานให้สั้นลง มีการปรับตำแหน่งบังคับบัญชาให้น้อยลง เพื่อทำให้การทำงานเป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยวิธีการดังกล่าวถือเป็นนโยบายจากบริษัทแม่ที่นำไปใช้ทั่วโลก เพื่อรับกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้น

ขณะที่แผนที่ทางบริษัทฯเตรียมรับมือกับสถานการณ์ในปีนี้ เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน ในแง่การขายจะมีการให้ความรู้อบรม เพื่อให้พนักงานขายสามารถเข้าถึงลูกค้าพร้อมนำเสนอสินค้าได้ทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจในรูปแบบวันสต๊อปเซอร์วิสในกลุ่มลูกค้าโครงการ รวมถึงอบรมให้พนักงานมีความรู้และความเข้าใจในการแนะนำสินค้า ณ จุดขายมากขึ้น เพราะจากการวิจัยพบว่า 40%ของลูกค้ามีการตัดสินใจซื้อ ณ จุดขาย

นอกจากนี้บริษัทฯจะพยายามบริหารการใช้กระแสเงินสดและสินค้าคงคลังให้เกิดประโยชน์และมีประสิทธิภาพมากที่สุด ต้องรู้ว่าสถานการณ์ไหนควรลงทุน หรือต้องชะลอดูตลาด ซึ่งในแง่การลงทุนต้องพิจารณาให้รอบคอบ ขณะที่ในกลุ่มสินค้า ยังจะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้จะเน้นการตลาดเพื่อรักษาความเป็นผู้นำในกลุ่มไลท์ติ้ง ซึ่งมีส่วนแบ่างทางการตลาดมากกว่า 40% ในปีที่ผ่านมา ส่วนกลุ่มเฮลท์แคร์ จะพยายามขึ้นเป็นผู้นำในปีนี้ หลังจากปีก่อนเป็น 1 ใน2 ของตลาดดังกล่าว ส่วนกลุ่มคอนซูเมอร์ไลฟ์สไตล์ จะต้องรักษาอันดับหนึ่งในกลุ่มเตารีด, เครื่องปั่น อีกครั้ง

อย่างไรก็ตามปีนี้บริษัทฯมีการใช้งบการตลาดทั้งปีที่ 600 ล้านบาทใกล้เคียงกับปีก่อน ขณะที่สัดส่วยรายได้ ยังมาจาก คอนซูเมอร์ไลฟ์สไตล์ 41% ไลท์ติ้ง 37% และเฮลท์แคร์ 22% โดยปีนี้จะเน้นตลาดโครงการมากยิ่งขึ้นในกลุ่มธุรกิจไลท์ติ้ง เนื่องจากมองว่ามีโอกาสเข้าไปทำตลาดได้อยู่ ขณะที่ในตลาดแมส ค่อนข้างครอบคลุมการจำหน่ายทั้งหมดแล้ว


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.