|
“บัวทอง”มั่งใจครึ่งปีหลังตลาดฟื้นประกาศยืนเป้าขาย2,500ล.เท่าปี51
ผู้จัดการรายวัน(2 กุมภาพันธ์ 2552)
กลับสู่หน้าหลัก
บิ๊กบัวทองฯ เชื่อรัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ ลดภาษีอสังหาฯ เร่งก่อสร้างโครงการเม็กต์โปรเจกต์ เห็นผลใน 5 - 6เดือน คาดครึ่งปีหลังโอกาศดีของตลาดอสังหาฯ ด้านแผนดำเนินงานเร่งปรับกลยุทธ์รับมือวิกฤตครึ่งปีแรก เสริมศักยภาพบุคคลกร ลดค่าใช้จ่ายองค์กร มั่นใจปี 52 ยอดขายทรงตัว 2,500 ล้านบาทเท่ากับปีที่ผ่านมา
นาย ไพโรจน์ สุขจั่น ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท บัวทอง พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า ปัญหาการเมืองที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในทุกตลาดทำให้เกิดการชะลอการตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ในช่วงปลายปี 51 ต่อเนื่องถึงปี 52 ประกอบกับภาวะวิกฤตการเงินโลก ที่ขยายวงกว้างไปสู่ทุกประเทศทั่วโลก ส่งผลให้เกิดการปลดพนักงานทั้งในส่วนของในและต่างประเทศยิ่งตอกย้ำภาพลบของทุกธุรกิจทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่น กำลังซื้อหดตังลงทำให้ตลาดอสังหาฯในช่วงต้นปีเกิดการทรงตังหรืออาจจะหดตังลงเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม เสถียรภาพของรัฐบาลชุดใหม่ และการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการพัฒนาโครงการเมกะโปรเจ็กต์การลดภาษี และมารการกระตุ้นภาคธุรกิจอสังหาฯ ยังเป็นปัจจัยสำคัญต่อการการขยายตัวของเศรษฐกิจ และกลุ่มธุรกิจต่างๆ โดยเฉพาะการออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านของฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลยังส่งผลให้ภาวะโดยรวมของธุรกิจต่างๆ มีผลประกอบการที่ต่ำกว่าประมาณการของแต่ละบริษัทที่กำหนดไว้
“กลุ่มบัวทองยังมองว่าในปี 52 นี้ปัญหาต่างๆในประเทศที่เริ่มคลี่คลายลง หลังจากการปรับตัวของราคาน้ำมัน และเหตุการณ์การเมืองที่เริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดี รวมถึงการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านต่างๆ ของรัฐบาล จะส่งผลให้เศรษฐกิจในประเทศปรับตัวดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจต้องใช้เวลาประมาณ 5-6 เดือน ในการฟื้นตัว และจะเริ่มเห็นผลในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งเป็นช่วงที่ดีของตลาดอสังหาฯ”
ส่วนแผนการดำเนินงานของกลุ่มบัวทองฯ ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบดังกล่าวด้วยเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามภาวะต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันถือว่าไม่เลวร้ายมากนัก เนื่องจากกลุ่มบัวทองเป็นผู้บริหารการขาย ซึ่งมีสินค้าที่หลากหลาย ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ บ้านแฝดและคอนโดมิเนียม ที่กระจายอยู่ในทำเลต่างๆ และระดับราคาที่หลากหลาย ทำให้ยอดขายรวมไม่ตกลงมากนัก ประกอบกับการเข้มงวดทางด้านวินัยการเงินของบริษัททำให้สัดส่วนหนี้ต่อทรัพย์สินอยู่ในเกณฑ์ต่ำ และในปีที่ผ่านมาบริษัทสามารถรับรู้รายได้ในเกฑ์ที่น่าพอใจ เนื่องจากมีสินค้าพร้อมโอนเป็นจำนวนมาก ทำให้เชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตที่เกิดขึ้นมากนัก และจะสามารถผ่านพ้นช่วงวิกฤตครั้งนี้ไปได้
"ตามปกติของธุรกิจบริหารงานขายจะดีในภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัว ผู้ประกอบการจะนำโครงการมาให้เราขายจำนวนมาก แต่จะต้องเลือกโครงการที่มีความพร้อมด้านงานขาย คือมีห้องตัวอย่าง ผู้ประกอบการมีความแข็งแกร็งด้านการเงิน แม้ว่าภาวะการขายจะไม่ต่อยดี แต่ก็ไม่ใช้เรื่องที่เกินความสามารถ"
สำหรับในปี 52 นี้กลุ่มบัวทองฯ มีการปรับกลยุทธ์การดำเนินงานเพื่อธุรกิจขยายตัวภายใตภาวะวิกฤติที่เกิดขึ้น โดยจะเน้นการเพิ่มปริทธิภาพการทำงานของพนักงาน ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ลดค่าใช้จ่ายภายในองค์กร จากการปรับตัวและออกกลยุทธ์ดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลให้ปีนี้บริษัทยังมียอดขายที่อยู่ในระดับเดียวกับปีที่ผ่านมาได้ โดยในปีนี้ตั้งเป้าว่าจะมียอดขายรวม 2,500 ล้านบาท แบ่งออกเป็นรายได้จากบริษัทบัวทอง พร็อพเพอร์ตี้ 1,000 ล้านบาท ,บีทีสมาร์ท พร็อพเพอร์ตี้ 1,100 ล้านบาท และบัวทองมาร์เก็ตติ้ง แอนด์ เฮ้าส์ซิ่ง 400 ล้านบาท
ส่วนปีที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายรวม 2,150 ล้านบาทต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ 2,500 ล้านบาทประมาณ 14% โดยแบ่งออกเป็นรายได้จากบริษัทบัวทอง พร็อพเพอร์ตี้ 700 ล้านบาทจากเป้า 1,000 ล้านบาท บริษัท บีทีสมาร์ท พร็อพเพอร์ตี้ 900 ล้านบาทจากเป้า 1,100 ล้านบาท และบัวทองมาร์เก็ตติ้ง แอนด์ เฮ้าส์ซิ่ง 550 ล้านบาท จากเป้า ที่วางไว้ 400 ล้านบาท
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|