ไทยยิบซั่มฯรับมือวิกฤต คุมต้นทุน-รีแบรนด์ใหม่


ผู้จัดการรายวัน(5 กุมภาพันธ์ 2552)



กลับสู่หน้าหลัก

วิกฤตการเงินโลก ทำยอดสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างทั่วโลกหดตัว หลังทุกประเทศชะลอการลงทุน ส่งผลกระทบตลาดส่งออกผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม ด้านไทยยิบซั่มบริษัทลูกจากฝรั่งเศล เบนเป้าเจาะตลาดบ้าน ทาวน์เฮาส์ในประเทศ หวังขยับส่วนแบ่งตลาดให้มากขึ้น ยันยังครองแชร์ตลาดยิบซั่มในประเทศสูงสุด 40% คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท จากมูลค่ารวมตลาด 3,000ล้านบาท คาดตลาดก่อสร้างรวมในประเทศหดตัว10-30% กระทบตลาดวัสดุก่อสร้างหนัก แนะรัฐบาลลงทุนโครงการขนาดใหญ่-ระบบสาธารณูปโภคกระตุ้นเศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่อง

นายวลิต จิยะวรนันท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการขนายและการตลาด บริษัท ไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม จำกัด (มหาชน) (อดีตมือบริหารธุรกิจหลังคาของกลุ่มมหพันธ์ ) กล่าวว่า จากปัญหาวิกฤตการเงินโลก และวิกฤตเศรษฐกิจในประเทศที่กิดขึ้น ได้ส่งผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวของตลาดก่อสร้างโดยรวมหดตังลง 10-30% เนื่องจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์เกิดการชะลอพัฒนาโครงการอสังหาฯ ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และโครงการอาคารสูง ดังนั้น ภาครัฐบาลต้องเข้ามากระตุ้นให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจโดยรวม จึงต้องเร่งดำเนินการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่และระบบสาธารณูปโภคในประเทศ เพื่อให้มีปริมาณเงินไหลเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ การหดตัวในตลาดก่อสร้าง คาดว่าจะส่งผลต่อตลาดวัสดุก่อสร้างในปีนี้ ส่วนตลาดผลิตภัณฑ์ยิบซั่มนั้น คาดว่าจะได้รับผลกระทบไม่มากนัก โดยอัตราการขยายตัวของตลาดรวมจะยังอยู่ในระดับเดียวกับปีที่ผ่านมา หรือมียอดขายรวมในประเทศประมาณ 3,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดดังกล่าวประมาณ 40% โดยในปีที่ผ่าน บริษัทมียอดขายรวม 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายในประเทศ 40% คิดเป็นยอดขาย 20 ล้านตารางเมตร (ตร.ม.)หรือมีมูลค่า 1,000 ล้านบาท และยอดขายจากการส่งออก 60% คิดเป็น 30 ล้านตร.ม. คิดเป็นมูลค่า2,000ล้านบาท

“ ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตรวม 75 ล้านตร.ม. แต่ใช้กำลังการผลิตอยู่ประมาณ 50 ล้านตร.ม. และหลังจากที่เกิดวิกฤตการเงินโลกขึ้น ส่งผลให้ทุกประเทศทั่วโลกชะลอการลงทุนและลดการสั่งซื้อวัสดุก่อสร้าง ทำให้ปริมาณการส่งออกสินค้าลดลงตามไปด้วย ใน

ขณะเดียวกันก่อนหน้านั้นบริษัทเซนต์-โกเบน ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมก่อสร้าง และกระจกรถยนต์ และอาคารสูง จากประเทศฝรั่งเศส ผู้ถือหุ้นใหญ่ของกลุ่มบริษัทบีพีบี ที่ถือหุ้นในบริษัทไทยยิบซั่มฯนั้น ได้เข้ามาตั้งฐานการผลิตในภูมิภาคเอเชียมากขึ้น ทำให้บริษัทลดปริมาณการส่งออกผลิตภัณฑ์ยิบซั่มในต่างประเทศลง และหันไปให้ความสำคัญการเพิ่มไลน์สินค้าใหม่ๆ ทำตลาดในประเทศมากขึ้น”

นายวลิตกล่าวว่า เป้าหมายการขายในปี 2552 ทางบริษัทฯยังคงเป้าไว้ที่ 3,000 ล้านบาทเท่ากับปีที่ผ่านมา โดยจะเน้นเพิ่มสัดส่วนยอดขายในตลาดบ้านให้มากขึ้น จากเดิมที่บริษัทมีสัดส่วนการขายผลิตภัณฑ์ยิบซั่มในกลุ่มโครงการอาคารสูง อาคารสำนักงานเป็นหลัก ในขณะที่ยอดขายในตลาดบ้านยังมีสัดส่วนน้อยมาก โดยบริษัทจะเน้นการทำตลาดผ่านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศจำนวน200ราย รวมถึงการให้ความสำคัญกับการเพิ่มศักยภาพให้แก่ตัวแทนจำหน่าย ทั้งในด้านความรู้และความเข้าใจด้านระบบฝ้า ผนังยิบซั่มมากขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทจะเน้นการสร้างตราสินค้า(แบรนด์)ของบริษัทให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากขึ้น โดยล่าสุด บริษัทได้ทำการรีแบรนด์ดิ้งตราสินค้า และโลโก้สินค้าใหม่ จากเดิมใช้ชื่อ “ไทยยิบซั่ม” โดยเปลี่ยนมาใช้ชื่อ“ยิบรอก” (Gyproc) โดยการรีแบรนด์ครั้งนี้เป็นนโยบายของบริษัทแม่ ซึ่งต้องการสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของแบรนด์สินค้าในเครือเซนต์-โกเบนทั้งหมด อย่างไรก็ตาม บริษัทได้รับนโยบายจากบริษัทแม่ให้มีการลดค่าใช้จ่ายในด้านการตลาดลง เพื่อเป็นการลดต้นทุนการดำเนินงาน ดังนั้น ในการรีแบรนด์ครั้งนี้จึงต้องใช้ระยะเวลาการดำเนินงานค่อนข้างนาน


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.