"ศิริชัย บูลกุล เหนียวกว่าที่คิด"


นิตยสารผู้จัดการ( มกราคม 2531)



กลับสู่หน้าหลัก

ศิริชัยเริ่มประสบปัญหาทางการเงินอย่างรุนแรงตั้งแต่กลางปี 2529 มีหนี้สินกว่า 2,000 ล้านบาท ในรายงานของผู้ตรวจสอบบัญชีประกอบงบการเงิน แสดงฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัทมาบุญครองอบพืชและไซโลจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2529 ระบุไว้ว่า บริษัทจะดำเนินกิจการต่อไปได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับผลของการเจรจากับธนาคารและสถาบันการเงิน เจ้าหนี้ในการปรับโครงสร้างหนี้

ในการจัดทำรายละเอียดโครงสร้างหนี้สินใหม่ได้เสร็จลงเมื่อต้นปี 2530 ทางกลุ่มเจ้าหน้าที่มีธนาคารไทยพาณิชย์และกสิกรไทยเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ร่วมกับเจ้าหนี้รายอื่น ๆ ต้องการให้ศิริชัยมาเซ็นสัญญารับสภาพหนี้ใหม่ แต่ศิริชัยเกี่ยงให้ขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นก่อน ก่อนหน้านี้ศิริชัยได้ขายหุ้นของตนออกไปจนเหลือเพียง 10% แต่ยังเป็นผู้บริหารอยู่ การประชุมผู้ถือหุ้นในครั้งแรกเมื่อเดือนมีนาคม 2530 ล้มเหลวเพราะไม่ครบองค์ประชุม ศิริชัยอ้างว่าเอกสารการมอบอำนาจไม่ถูกต้อง ต้องเลื่อนไปประชุมตอนต้นเดือนเมษายน ซึ่งที่ประชุมได้มีการแก้ไขรายละเอียดในบางจุด หลังจากนั้นต้องมีการเซ็นสัญญาแต่อย่างใด และการประชุมผู้ถือหุ้นอีกครั้งที่กำหนดไว้ในวันที่ 18 พฤษภาคม 2530 ก็ทำไม่ได้ ด้วยข้ออ้างว่าลายเซ็นและตราประทับในหนังสือขอเปิดประชุมของผู้ถือหุ้นไม่ถูกต้องทำให้จำนวนผู้ขอเปิดประชุมไม่ถึง 1 ใน 5

วาระการประชุมในวันที่ 18 พฤษภาคมนั้น นอกจากการรับรองโครงสร้างหนี้ใหม่แล้วยังมีวาระการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารด้วย

การประชุมผู้ถือหุ้นครั้งนี้เลื่อนไปเป็นวันที่ 23 มิถุนายน หลังจากที่ทางผู้ถือหุ้นขู่ว่าถ้าเรียกประชุมเองไม่ได้ก็จะให้ศาลสั่งให้มีการประชุม ศิริชัยใช้วิธีการเดิมอีกครั้งหนึ่งด้วยการอ้างว่าใบมอบอำนาจไม่ถูกต้อง ทำให้องค์ประชุมไม่ครบและสั่งปิดประชุมทันที แต่ทางผู้ถือหุ้นได้เตรียมการรับมือไว้แล้ว มีการตรวจสอบรายชื่อ และจำนวนผู้มาประชุมวันนั้นให้เปลี่ยนตัวผู้บริหารใหม่ทั้งชุด รวมทั้งตัวศิริชัยเองด้วย และให้มีการเพิ่มทุน ส่วนการรับรองโครงสร้างหนี้ใหม่เนื่องจากยังไม่มีการลงนามในสัญญา จึงไม่มีการรับรอง

เวทีการต่อสู้ย้ายจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นไปยังศาลสถิตยุติธรรม

คณะกรรมการบริหารชุดใหม่ได้ยื่นจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้บริหารต่อกรมทะเบียนการค้ากระทรวงพาณิชย์ และทางกรมทะเบียนอนุญาตให้จดได้เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม ถึงแม้ว่าทางศิริชัยจะคัดค้านโดยอ้างว่าการประชุมในวันที่ 23 มิถุนายนไม่ถูกต้อง

ศิริชัยวิ่งเข้าหาศาลแพ่งขอให้ระงับการจดทะเบียน ซึ่งทางศาลได้มีคำสั่งตามคำร้องของศิริชัย ทางคณะกรรมการชุดใหม่ จึงต้องร้องต่อศาลอีกครั้งหนึ่งให้ยกเลิกคำสั่ง แต่ไม่เป็นผล เกมนี้ศิริชัยจึงเป็นฝ่ายชนะ

ถึงตอนนี้ก็มีปัญหาว่าใครคือผู้บริหารบริษัทมาบุญครองกันแน่

ทางตลาดหลักทรัพย์เองก็งงจึงขอเข้าไปเป็นนายทะเบียนบริษัทมาบุญครองเสียเอง หลังจากที่ให้บริษัทเป็นตัวนายทะเบียนตัวเอง เพื่อจะได้ตรวจสอบว่าใครเป็นใครแต่ทางมาบุญครองไม่ยอม ตลาดหลักทรัพย์จึงไล่ออกจากตลาดเสียเลยเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2530

ทางจุฬาฯ ซึ่งเป็นเจ้าของที่ที่มาบุญครองเซ็นเตอร์ตั้งอยู่ก็งง

ทางเจ้าหน้าที่ทั้งงงทั้งเซ็ง เลยยกเลิกสัญญาปรับโครงสร้างหนี้เสียเลยเพราะไม่รู้ว่าจะหาใครมาเซ็น ส่วนหนี้ที่มาบุญครองติดค้างอยู่ก็ให้ไปฟ้องร้องกันเอง

ธนาคารไทยพาณิชย์และกสิกรไทยได้ยื่นหนังสือให้ทางมาบุญครองชำระหนี้แล้วเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ถ้าหากมาบุญครองไม่ชำระทั้งสองธนาคารก็จะยื่นฟ้องต่อศาลต่อไป

ศิริชัย บูลกุลในรอบปี 2530 ต้องเหน็ดเหนื่อยกับการทำศึกกับบรรดาเจ้าหนี้ทั้งหลายตั้งแต่ต้นปียันถึงท้ายปี แต่คนที่เหนื่อยกว่าเขามากมายคือเจ้าหนี้คู่กรณี ทั้งเหนื่อยทั้งระอากับลูกหนี้คนนี้



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.