|
Mekhong stream
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา( กุมภาพันธ์ 2552)
กลับสู่หน้าหลัก
จีน
มาร์ติน โคลส์ ประธานสตาร์บัคส์ คอฟฟี่ อินเตอร์เนชั่นแนล ประกาศเปิดตัวกาแฟยี่ห้อใหม่ ซึ่งเป็นผลงานการคิดค้นร่วมกันระหว่างบริษัทสตาร์บัคส์ กับเจ้าหน้าที่และเกษตรกรในมณฑลหยุนหนัน ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ซึ่งมีพรมแดนติดกับเวียดนาม, ลาว และพม่า กาแฟยี่ห้อใหม่ถูกตั้งชื่อว่า "South of the Clouds" หรือเมฆาแดนใต้ อันเป็นความหมายของคำว่าหยุนหนันในภาษาจีน
สตาร์บัคส์ใช้เวลาพัฒนากาแฟยี่ห้อใหม่ร่วมกับจีนนานถึง 3 ปี โดยเป็นการนำเมล็ดกาแฟพันธุ์อาราบิกาจากละตินอเมริกา และเอเชีย-แปซิฟิก มาผสมกับเมล็ดกาแฟพันธุ์ท้องถิ่นของหยุนหนัน นอกจากนั้น สตาร์บัคส์ยังตั้งเป้าพัฒนาแหล่งกาแฟอาราบิกาคุณภาพชั้นเลิศจากมณฑลแห่งนี้อีกด้วย โคลส์ได้กล่าวว่าความปรารถนาสูงสุดก็คือการได้เห็นกาแฟจากจีนวางเด่นสะดุดตาอยู่บนชั้นในร้านขายกาแฟทุกๆ สาขาของสตาร์บัคส์ใน 49 ประเทศทั่วโลก อย่างไรก็ตาม เขายังมิได้ประกาศวันเวลาในการวางจำหน่าย ขึ้นอยู่กับเกษตรกรว่าจะสามารถผลิตเมล็ดกาแฟได้มากเพียงพอสำหรับขายได้เร็วสุดเมื่อใด
พม่า
พม่าจะเริ่มส่งก๊าซธรรมชาติที่ขุดได้จากแหล่งในอ่าวเบงกอลให้กับบริษัทน้ำมันของรัฐบาลจีนในปี 2555 ซึ่งเป็นปีที่การก่อสร้างระบบท่อก๊าซผ่านพม่าไปยังมณฑลหยุนหนันของจีนแล้วเสร็จ แหล่งก๊าซดังกล่าวมีบริษัท แดวู อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น (Daewoo International Corporation) เป็นผู้ดำเนินการ โดยแดวูฯ ถือหุ้น 51% บริษัท ONGC Videsh Ltd. หรือ OVL 17% รัฐวิสาหกิจน้ำมันและก๊าซพม่า (Myanmar Oil & Gas Enterprise : MOGE) 15% บริษัทก๊าซแห่งอินเดีย (Gas of India Ltd : GAIL) กับบริษัทก๊าซเกาหลี (Kogas) ถือหุ้นฝ่ายละ 8.5% เท่ากัน
เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว มีการเซ็นความตกลงระหว่างกลุ่มบริษัทที่นำโดยแดวูฯ กับบริษัทปิโตรเลียมแห่งชาติของจีน (China National Petroleum Corporation : CNPC) โดยภายใต้สัญญานี้ กลุ่มแดวูฯ จะส่งก๊าซให้แก่ CNPC ตลอด 30 ปี และราคาก๊าซที่ขายให้แก่จีนจะขึ้นลงตามราคาตลาดโลก โดยจะมีการพิจารณาปรับทุก 3 เดือน CNPC เป็นบริษัทแม่ของปิโตรไชน่า (PetroChina) ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันใหญ่อันดับ 1 ของจีน และจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์นครเซี่ยงไฮ้
ลาว
บริษัท อาร์โกนอทรีสอร์สเซส จำกัด (Argonaut Resources Ltd.) จากออสเตรเลีย ซึ่งได้รับสัมปทานสำรวจแร่ทองคำในแหล่งห้วยควาย เขตรอยต่อแขวงเวียงจันทน์กับนครเวียงจันทน์ประกาศว่าได้พบแร่ทองคำเกรดดีปริมาณมาก โดยปัจจุบันกำลังอยู่ระหว่างการออกแบบเพื่อปฏิบัติงาน และจะเริ่มเจาะสำรวจชั้นแหล่งแร่ในแหล่งดังกล่าวตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้เป็นต้นไป
ก่อนหน้านี้อาร์โกนอทได้ประกาศผลการสำรวจทางธรณีวิทยาในแปลงสัมปทานแขวงเซกอง ตอนใต้สุดของลาว และได้พบสายแร่ใต้ผืนดินปริมาณมหาศาลเช่นเดียวกัน การประกาศของอาร์โกนอทยังมีขึ้นขณะที่สื่อของทางการรายงานความคืบหน้าของเหมืองทองภูเบี้ยโดยบริษัทแพนออสเตรเลียรีสอร์สเซส จำกัด ซึ่งเริ่มส่งออกและคาดว่าจะส่งรายได้เข้ารัฐได้เป็นครั้งแรกในปีนี้
ตั้งแต่เริ่มการผลิตในเดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา บริษัท ภูเบี้ยไมนิ่ง จำกัด (Phu Bia Mining Co) ผลิต "แร่ทองเข้มข้น" ซึ่งมีทองแดง ทองคำ และแร่เงินผสมกันได้กว่า 92 ตัน ส่งออกแล้วกว่า 81 ตัน ทำรายได้กว่า 89 ล้านดอลลาร์
กัมพูชา
Mey Van อธิบดีกรมอุตสาหกรรมและการเงิน กระทรวงการคลังและเศรษฐกิจ ของกัมพูชา ได้ปฏิเสธรายงานของหนังสือพิมพ์รายวันภาษาอังกฤษพนมเปญโพสต์ ที่ระบุว่ารัฐบาลกัมพูชาได้เลื่อนแผนการเปิดตลาดหลักทรัพย์แห่งแรกของประเทศออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยยืนยันว่าตลาดหุ้นกัมพูชาจะสามารถเปิดดำเนินการได้ภายในปีนี้ (2552)
การเปิดตลาดหลักทรัพย์ได้เลื่อนจากเดือนกันยายน 2551 หลังจากนายกรัฐมนตรีฮุนเซน ให้สัมภาษณ์ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ทำให้จำเป็นต้องเลื่อนออกไปเป็นปีหน้าซึ่งหมายถึงปี 2552 พนมเปญโพสต์ ได้อ้างคำกล่าวของ Mey Van ที่ว่ากัมพูชาได้รับผลกระทบจากวิกฤติโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งแขนงพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และเสื้อผ้าส่งออก ดังนั้นจึงต้องเลื่อนการเปิดตลาดหุ้นออกไป แต่ต่อมาเจ้าตัวได้ออกปฏิเสธรายงานดังกล่าว รัฐบาลเกาหลีและตลาดหลักทรัพย์กรุงโซลได้ให้การช่วยเหลือกัมพูชาในการจัดตั้งตลาดหลักทรัพย์กรุงพนมเปญ เพื่อให้เป็นแหล่งระดมทุนในการพัฒนาประเทศ
เวียดนาม
รัฐบาลเวียดนามได้อนุมัติเงินงบประมาณก้อนแรก 2,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อเริ่มงานเคลียร์หน้าดินตลอดเส้นทาง ที่จะใช้ในการก่อสร้างระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนความเร็วสูงหรือรถหัวกระสุน (Bullet Train) ซึ่งเวียดนามได้ตัดสินใจเลือกใช้เทคโนโลยีรถซินกันเซ็น (Shinkansen) แบบหัวกระสุน
สื่อของทางการเวียดนามระบุว่านายกรัฐมนตรี Nguyen Tan Dung ได้อนุมัติงบประมาณก้อนดังกล่าวตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว เพื่อเป็นทุนเริ่มต้นตามผลการศึกษาของบริษัทที่ปรึกษา ซึ่งสำรวจศึกษาโครงการนี้มาตั้งแต่ปี 2549 โดยการสนับสนุนของรัฐบาลญี่ปุ่น โครงการนี้ใช้เงินทุนก่อสร้างทั้งสิ้น 33,000 ล้านดอลลาร์ รัฐบาลญี่ปุ่นสนับสนุนทั้งในรูปเงินร่วมลงทุนกับเงินกู้ ส่วนเวียดนามจะระดมทุนอีก 23,100 ล้านดอลลาร์สมทบ โดยในนั้น 9,900 ล้านดอลลาร์ จะเป็นเงินทุนของบริษัทรถไฟเวียดนาม
คาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี 2578 ซึ่งจะช่วยร่นเวลาเดินทางระหว่างกรุงฮานอยกับนครโฮจิมินห์ให้เหลือเพียง 6 ชั่วโมงเศษ จากปัจจุบัน 28-30 ชั่วโมงด้วยรถไฟปกติ
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|