พาทัวร์ทำเนียบขาว (ตอนที่ 1)

โดย มานิตา เข็มทอง
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา( กุมภาพันธ์ 2552)



กลับสู่หน้าหลัก

ทำเนียบประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาหรือที่รู้จักกันดีว่า ทำเนียบขาว ตั้งอยู่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เป็นทั้งที่พำนักและที่ทำงานอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทุกรัฐบาล เกิดจากการที่ประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐฯ George Washington ประกาศสร้างทำเนียบประธานาธิบดีใจกลางเมืองใกล้อาคารรัฐสภา โดยเปิดโอกาสให้สถาปนิกส่งแบบเข้าประกวด ปรากฏว่ามีผู้ยื่นแบบ จำนวน 9 ราย ผู้ที่ชนะคือ สถาปนิกเชื้อสายไอริช นามว่า James Hoban จากนั้น การตอกเสาเข็มแรกเริ่มขึ้นในเดือนตุลาคม 1792 เสร็จสมบูรณ์ในปี 1800 ซึ่ง George Washington ไม่มีโอกาสย้าย เข้าไปอยู่ในบ้านหลังใหม่นี้ เขาสิ้นชีวิตในปี 1799 ก่อนหน้าที่จะสร้างเสร็จเพียงไม่นาน ครอบครัวหมายเลขหนึ่งครอบครัวแรกที่ย้ายเข้าสู่ทำเนียบขาว คือ ครอบครัวของประธานาธิบดี John Adams และสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง Abigail Adams ซึ่งนับตั้งแต่นั้นทำเนียบขาวถูกปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตามรสนิยมของแต่ละครอบครัวหมายเลขหนึ่งที่ย้ายเข้ามา

อาคารทำเนียบขาวมีพื้นที่ใช้งานแบ่งเป็น 6 ชั้น เริ่มจากชั้นล่างสุด หรือที่เรียกว่า Ground Floor ตามด้วยชั้น State Floor ชั้นที่สอง (Second Floor) ชั้นที่สาม (Third Floor) และชั้นใต้ดินอีก 2 ชั้น มีพื้นที่รวม 5,100 ตร.ม. มีห้องทั้งหมด 132 ห้อง ห้องน้ำ 35 ห้อง มีประตูทั้งหมด 412 บาน มีหน้าต่าง 147 บาน มีเตาผิง 28 เตา มีบันไดขึ้นลง 8 แห่ง มีลิฟต์ 3 ตัว นอกจากนั้นยังมีส่วนที่เป็นพื้นที่สันทนาการ ได้แก่ สนามเทนนิส ห้องฟิตเนส สระว่ายน้ำ โรงภาพยนตร์ โบว์ลิ่ง และสนามบาสเกตบอล

(ดูภาพแผนผังทำเนียบขาวชั้น Ground Floor ประกอบตามหมายเลขที่ระบุตำแหน่งของห้องต่างๆ ภายในอาคาร) เริ่มจาก...

ชั้นล่างสุด (Ground Floor) เป็นพื้นที่สำหรับ ใช้ปฏิบัติงานต่างๆ ตั้งแต่การบริหารงานของประธานาธิบดี รองประธานาธิบดี และทีมงาน รวม ทั้งใช้ในการประกอบพิธีการทางการต่างๆ พร้อมเปิดให้ประชาชนเข้าเยี่ยมชมด้วย โดยประชาชนจะใช้ทางเข้าด้านตะวันออก อาคารด้านตะวันออก (1) นี้แบ่งพื้นที่ใช้เป็นส่วนต่างๆ ตั้งแต่เป็นห้องรับรอง เป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์ความปลอดภัย (Secret Service) เป็นห้องทำงานของสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง เป็นห้องของนายทหารคนสนิท และเป็นห้องชมภาพยนตร์ เมื่อเดินผ่านระเบียงด้านตะวันออกมุ่งหน้า (2) เข้าสู่ส่วนกลางของอาคารทำเนียบขาว จะต้องผ่านสวน Jacqueline Kennedy (3) ที่อยู่ด้านนอก เป็นสวนที่เริ่มจัดตกแต่งในปี 1913 ในสมัยรัฐบาล Wilson ด้วยการอำนวยการของ Ellen Wilson สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งในสมัยนั้น โดยให้ชื่อว่า "The East Garden" เพื่อให้สมดุลกับสวนกุหลาบทางด้านตะวันตกที่จะกล่าวถึงต่อไป หากแต่ไม่เป็นทางการเท่า สวนนี้ถูกจัดเสร็จภายหลังการเสียชีวิตของเธอในปีถัดมา จากนั้นสวนนี้ก็ไม่ได้รับการดูแลเท่าที่ควร จนมาในสมัยของรัฐบาล Kennedy สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง Jacqueline Kennedy ได้จ้างนักออกแบบและตกแต่งสวนใหม่ทั้งด้านตะวันตกและตะวันออก ในปี 1963 ปีแห่งการสูญเสียประธานาธิบดี John F. Kennedy สวนกุหลาบได้ถูกตกแต่งเสร็จเรียบร้อย หากแต่สวนทางด้านตะวันออกยังอยู่ระหว่างการดำเนินงาน เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ Claudia Johnson หรือ Lady Bird สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งแห่งรัฐบาล Johnson จึงสานต่อและให้ชื่อสวนนี้ว่า Jacqueline Kennedy เพื่อเป็นเกียรติ แด่เธออย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 22 เมษายน 1965 ปัจจุบันสวนนี้เต็มไปด้วยพุ่มไม้และดอกไม้นานาพันธุ์ตามฤดูกาลที่แตกต่าง

ผ่านสวน Jacqueline Kennedy จากทางเดินด้านในเข้าสู่ห้อง Vermeil หรือบางครั้งเรียกว่า Gold Room (4) ซึ่งอยู่ในส่วนหน้า (ทิศใต้) ของอาคาร ใช้เป็นห้องนั่งพักรับรองของสตรี ในห้องนี้มีเครื่องเงินเครื่องทองเคลือบที่สะสมมาหลายยุคหลายสมัย ตั้งโชว์อยู่ตามตู้ต่างๆ บนผนังสีเหลืองอ่อนแขวนภาพเขียนเหมือนจริงของสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ได้แก่ ภาพเขียนของ Eleanor Roosevelt ในอิริยาบถต่างๆ โดย ศิลปิน Douglas Chandor ที่เขียนภาพนี้ที่สตูดิโอของเขาในนิวยอร์ก และเสร็จในปี 1949 ภาพเขียนของ Lady Bird เขียนโดย Elizabeth Shoumatoff ที่ทำเนียบขาว ภาพเขียนของ Jacqueline Kennedy ที่มีฉากข้างหลังภาพจากบ้านพัก ของเธอในนิวยอร์ก โดยฝีมือของ Aaron Shikler ที่วาด ไว้เมื่อปี 1970 นอกจากนี้ Shikler ยังวาดภาพของ Nancy Reagan ที่แขวนอยู่บนผนังด้านตะวันออกของ ห้องนี้อีกด้วย อีกสองภาพเป็นภาพของ Patricia Ryan Nixon โดย Henriette Wyeth และ Lou Henry Hoover ที่วาดโดย Richard Brown ส่วนห้องถัดมาเป็นห้อง China Room (5) ที่แสดงเครื่อง โถถ้วยชามลายครามที่สะสมอยู่เกือบทุกรัฐบาล ซึ่งล่าสุด Laura Bush สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของรัฐบาลที่แล้ว ได้สั่งจานชามชุดใหม่ที่มีมูลค่าเกือบ 500,000 เหรียญสหรัฐเป็นการอำลาตำแหน่ง ส่งต่อให้แก่ครอบครัว หมายเลขหนึ่งครอบครัวใหม่

จากนั้นเข้าสู่ระเบียงมุขทรงกลมที่อยู่ทางทิศใต้ของอาคาร หรือ South Portico (6) เป็นส่วน ที่ต่อเติมขึ้นประมาณปี 1830 ปัจจุบันใช้เป็นห้องรับรองแขกต่างประเทศ เป็นห้องที่ประธานา- ธิบดี Franklin Roosevelt ถ่าย ทอดกระจายเสียงทางวิทยุ ถัดจากโถงส่วนกลางเป็นห้องแผนที่ (7) ใช้เป็นห้องรับรองแขกส่วนตัว ของประธานาธิบดีและสุภาพสตรี หมายเลขหนึ่ง และห้องมุมสุดท้ายทางด้านหน้าของ ส่วนกลาง (8) เป็นห้องทำงานของเจ้าหน้าที่ สำหรับ ด้านหลัง (ทิศเหนือ) ของอาคาร เริ่มจากห้องสมุด (9) ที่ครั้งหนึ่งในอดีตเคยใช้เป็นห้องซักรีด ถัดจากห้องสมุดเป็นบันไดขึ้นชั้นบน (10) ถัดมาเป็นห้องทำงานของเจ้าหน้าที่อีกห้องหนึ่ง (11) ตามมาด้วยห้องครัว (12) ที่อยู่มุมสุดของอาคารนี้ เมื่อผ่านอาคาร ส่วนกลางแล้ว มุ่งหน้าสู่อาคารด้านตะวันตก ซึ่งถือเป็นส่วนฐานบัญชาการของทุกรัฐบาล ต้องเดินผ่านห้องแถลงข่าว หรือ The John S. Brady Press Briefing Room (13) ที่จอร์จ ดับเบิลยู บุช ปรับปรุง ใหม่เมื่อปี 2006 เพิ่งแล้วเสร็จเมื่อปีที่ผ่านมา และสวนกุหลาบ (14) ที่อยู่ด้านนอก สวนกุหลาบนี้เกิดขึ้นในปี 1913 จากดำริของ Ellen Wilson สุภาพสตรี หมายเลขหนึ่งแห่งรัฐบาล Wilson ที่ให้จัดสวนในสไตล์โคโลเนียล ต่อมาในปี 1961 สมัยรัฐบาล Kennedy ได้ปรับปรุงออกแบบใหม่ เปลี่ยนเป็นสไตล์ ฝรั่งเศส ซึ่งเขามีโอกาสได้ชื่นชมความสวยงามของสวนที่จัดใหม่ได้ไม่นานก็ถูกลอบสังหาร จากสวนด้านนอก ผ่านเข้าสู่ห้องประชุมระหว่างประธานาธิบดี และคณะรัฐมนตรี หรือ Cabinet Room (15) โดย มุมหนึ่งที่ติดกับห้องนี้เป็นห้องทรงรี หรือ Oval Office (16) ซึ่งใช้เป็นห้องทำงานของประธานาธิบดี ที่เกี่ยวข้องงานบริหารงานราชการเท่านั้น ส่วนท้ายสุดของชั้นล่างของทำเนียบขาว (17) ใช้เป็นที่ทำการ ของรองประธานาธิบดี ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ระดับสูง

ฉบับหน้าจะพาทัวร์ชั้น State Floor ซึ่งยังมีอีกหลายห้องประวัติศาสตร์ให้ติดตาม


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.